เรื่อง : eyejung, ภาพ : ทีม Camerart

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 241/2017 October

สนับสนุนโดย

กลับมาตามสัญญา eyejung รักษาสัญญาว่าจะพาช่างภาพสายหมอบคลานไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กัน  แต่ก่อนออกทริปก็เข้าห้องเรียนติวเข้มความรู้ด้านการถ่ายภาพกับ อ.นพ กันก่อน รอบนี้…วนมาเรื่องเบสิค กับการปูพื้นฐานด้านการถ่ายภาพ 1 วันเต็ม มีให้ออกไปลองภาคสนามไม่ใกล้ไม่ไกล หน้าปากซอยออฟฟิศ CAMERART… ก่อนจะออกสนามจริงในวันรุ่งขึ้น กับ ทริปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่รอบนี้เรามีการเปลี่ยนกติกากันนิดหน่อย และจะใช้เป็นกติกาถาวรของทุกทริป นั้นคือ จะให้สิทธิ์ผู้ชำระค่าทริปในการเลือกที่นั่งก่อน ซึ่งทาง eyejung ได้รับคำแนะนำจาก…พี่น้อง จีรวรรณ ว่า…ถ้าคนจ่ายก่อนถึงได้สิทธิ์เลือกที่นั่งก่อน ซึ่งก็จริง…เราเลยขอเปลี่ยนกติกาตั้งแต่ทริปเขาใหญ่เป็นต้นไปว่า ท่านที่โอนเงินแล้วจะได้สิทธิเลือกที่นั่งได้ก่อนใคร เป็นอันว่าต่อไปนี้เราเข้าใจตรงกันนะคะ

และแล้วก็ถึงวันที่ทุกท่านตั้งหน้าตั้งตารอ กับทริปถ่ายภาพสนุกๆ กับ CAMERART ที่จะพาทุกท่านไปเติมเต็มความสุขกันที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นัดเจอกัน 6 โมงเช้า รอบนี้ทุกท่านทำเวลากันดีมาก มากันพร้อมเพียง พร้อมออกเดินทาง แวะรับจุดที่สองที่หลักสี่ วิ่งยาวเข้าเส้นนครนายก แวะทานข้าวเช้าร้านเดิม ที่ดูเงียบเหงาลงไปเยอะ ไม่มีข้าวแกงขายเหมือนเดิม อาหารมีให้เลือกน้อยลง อาจจะเพราะด้วยที่เศรษฐกิจซบเซาเป็นอย่างมาก และทางร้านเองก็ขายราคาค่อนข้างแพง เลยทำให้ร้านดูเงียบลงไปเยอะ แต่เจอคณะ CAMERART เข้าไปเรียกว่าปิดร้านของ ร้านอาหารต้นไทร รังสิต-คลอง 7 ทำให้ร้านดูคึกคักขึ้นมาบ้าง ทานอาหารเสร็จ มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จุดแรกที่เราจะแวะ คือน้ำตกเหวสุวัต เลทกว่าเวลาที่ตั้งไว้ครึ่งชั่วโมง เรามาถึงน้ำตกเหวสุวัต 10.30 โมง ซึ่งมีสมาชิกจากปราจีนบุรี คุณธนาทิปที่ขอมาจอยทริปกับเราด้วยในครั้งนี้ มาถึงเราขอถ่ายภาพหมู่กันก่อน ก่อนแยกไปหามุมมอง ซึ่งหลายคนคงไม่แปลกใจว่าทำไมกลุ่ม CAMERART ไปที่เดียวกันได้รูปไม่เหมือนกันเลย เพราะ…ที่นี่เราฝึกให้ทุกท่านได้ลองที่จะหามุมมองด้วยตัวเอง จึงไม่แปลกที่เราจะได้ภาพมุมมองที่แตกต่างกัน…กลุ่มแรก คุณชั้ย ชาตรี พี่โส คุณนพพร พร้อมอุปกรณ์จัดเต็มสำหรับการถ่าย Macro ต้องบอกว่าแก็งค์นี้ตัวจริงเรื่องหมอบคลาน ที่ต้องก้มๆ เงยๆ มองหา เพื่อจะเปิดโลกของการถ่ายภาพของสิ่งเล็กๆ ที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนด้วยตาเปล่า ทริปนี้คนที่ชอบถ่ายภาพมาโครก็จะเป็นผู้ที่เปิดโลกใบเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม พาทุกคนได้เห็นภาพที่งดงาม สีสัน รูปทรง และความแปลกตา จากภาพที่เราเห็นทั่วไปอย่างน่าอัศจรรย์ไปอีกแบบ

สำหรับท่านที่ขี้เกียจก้มๆ เงยๆ ในโลกของมาโคร เราก็มีสายแลนด์สแคปให้เลือกถ่าย กับ น้ำตกเหวสุวัต สิ่งสำคัญของสายแลนด์สเคปที่จะขาดไม่ได้เลย คือ ขาตั้งกล้อง อยากได้น้ำตกพลิ้วไหว แต่แสงช่วงใกล้เที่ยงแบบนี้ มันไม่สามารถทำให้น้ำตกพลิ้วไหวได้ แน่ๆ ถ้าขาดขาตั้งกล้อง  ส่วนมือโปร นอกจากขาตั้งกล้องที่เป็นของคู่ใจแล้วยังมี Filter ND ที่จะช่วยในการลดแสง ใครอยากได้สายน้ำที่พลิ้วไหวแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการเลือก Filter ND และเทคนิคเฉพาะตัว ไม่ชอบก้ม ไม่ชอบแลนด์ ไปสายนี้เลย กลุ่มสายมองบน เพราะที่เขาใหญ่นอกจากจากสายแลนด์ สายมาโคร สายนก สายสัตว์ป่า ก็ชอบเลือกมาเก็บภาพที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว eyejung ขอขึ้นไปหม่ำข้าวเที่ยงก่อนนะ วันนี้เราเลือกให้ทุกท่านทานร้านค้าสวัสดิการน้ำตกเหวสุวัต เพื่อให้ทุกท่านได้ใช้เวลาเต็มที่ในการเก็บภาพ

นั่งทานข้าวยังไม่ทันเสร็จ พายุฝนก็โหมกระหน่ำ แบบมืดฟ้ามั่วดิน สมาชิกส่วนใหญ่อยู่ในร้านสวัสดิการ แต่บางส่วนที่หายไป ได้แต่ภาวนาให้ทุกท่านปลอดภัยจากพายุฝน เพราะเป็นห่วงอุปกรณ์ของหลายท่านจริงๆ ฝนตกหนักขนาดนี้ และผู้ที่ฝ่าสายฝนมาท่านแรก คุณจักษ์ เรียกว่าเปียกโชกมาเลยที่เดียว งานนี้ พี่ป้อน ตั้งกล้อง  VDO รอเลยทีเดียว หลายท่านเปียกปอนกันไปบ้าง….

เราออกจากน้ำตกเหวสุวัต ฝนเริ่มหยุดตกมีละอองฝนนิดหน่อย และได้เวลาที่เราต้องเดินทางไปยังจุดต่อไป ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห่างจากน้ำตกเหวสุวัตเพียง 3 กิโลเมตร มาแวะพักชิลๆ ให้ดื่มกาแฟ  หรือใครซื้อเสื้อเปลี่ยนก็สามารถมาหาซื้อเสื้อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และเป็นอีกจุดที่ช่างภาพที่ชอบถ่ายภาพนก ชอบมาตั้งกล้องรอเก็บภาพนกที่มาโฉบปลาเอาไปกินที่หลังร้านอาหารสวัสดิการ หรือใครอยากถ่ายง่ายๆ และเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ด้วย ก็มีกวางมาเดินเล็มหญ้า ให้พวกเราได้เก็บภาพกัน

จากที่ทำการอุทยานเราจะเดินทางกันไปต่อที่จุดสุดท้ายของวันนี้ นั้นคือน้ำตกเหวนรก แต่ระหว่างทาง eyejung เห็นจุด อ่างเก็บน้ำสายศร หรือที่เรียกกันติดปากว่า อ่างเก็บน้ำมอสิงโต จุดชมวิวแสงเย็นที่สวย และเป็นจุดที่คนมาเที่ยวเขาใหญ่แล้วชอบถ่ายภาพ Landscape ต้องแวะ และคนที่ชอบถ่ายภาพ Portrait จะพาแบบมาถ่ายในโลเคชั่นนี้กันตลอด โดยเฉพาะกลุ่มเวดดิ้ง  ที่เห็นกันเป็นประจำ ครั้งนี้ฝนเพิ่งหยุดหมอกไหล รีบสั่งหยุดรถ แล้วชวนเพื่อนสมาชิกลงไปเก็บภาพกัน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของฤดูฝน ที่เราจะได้เห็นความสวยของธรรมชาติ แต่อย่าเพิ่งไปไหนไกล เพราะ…โภช…บอก eyejung ว่าที่ลานจอดฮอ ข้างหลังเป็นวิวภูเขา มีหมอกไหล มีกวางยืนอยู่เป็นฝูง เป็นเหมือนภาพในฝันเลย แต่งานนี้คนที่มีเลนส์เทเลเท่านั้นที่ได้เปรียบ เพราะกวางอยู่ไกลมาก ขนาด eyejung ใช้ช่วงที่ 300 mm. พี่แพท บอกว่าเราถ่ายกวางหรือถ่ายหมาเนี่ย แยกแทบไม่ออก เพราะมันตัวเล็กมาก งานนี้ต้องพึ่งพิงภาพจากอาจารย์ ที่ดูจะชัดเจนหน่อย เพราะใช้ช่วง 500 mm. เลยได้กวางพร้อมทิวทัศน์ที่งดงาม พวกเรามากันเยอะเกิน จนกวางตื่นกลัว วิ่งหนีเขาป่า พวกเราจึงต้องถอยทัพกลับไปตั้งหลักกันต่อที่น้ำตกเหวนรก

เดินทางกันมาต่อที่น้ำตกเหวนรก เข้าสู่โหมดจริงจังของช่างภาพสายมาโครและ แลนด์สเคปกันแล้ว เราให้เวลาที่จุดสุดท้ายยาวนานที่สุด ตั้งแต่บ่ายสามโมงถึง 5 โมงครึ่งสายจริงจังที่ชอบเดินป่าอย่าง น้องกอล์ฟ ที่จะเดินขึ้นน้ำตกเหวนรกชั้นสอง ก็ได้นัดเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อพาเดินขึ้นไป เนื่องจากจุดนี้ถ้าท่านใดจะขึ้นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย ใครอยากขึ้นไปเก็บภาพน้ำตกเหวเหวนรกชั้นสองก็ไปกะน้องกอล์ฟ ได้เลย ส่วนใครจะไปถ่ายน้ำตกเหวนรกชั้นหนึ่งก็สามารถเดินไปเองได้ แต่ไม่ต้องชวน eyejung งานนี้ขอบาย เรียกว่าบายยาวกันไปเลย จำไม่ได้แล้วว่าเดินครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่มันคงนานนนนนนนนน มากจริงๆ 555….          

เมื่อเขาเลือกสายเดินกันไปเรียบร้อยก็เหลือทางเดียวให้ eyejung ….เลือกสายมาโคร นี่แหละดูจะชิลที่สุด ถึงแม้จะไม่มีเลนส์มาโคร แต่ถ้าจะรักสายนี้ต้องอาจจะต้องเป็นคนใจบุญสักหน่อย แต่ต้องมีคำว่าแต่สำหรับ eyejung ที่ทำสถิติเดินป่ามาไม่เคยบริจาคเลือดให้กับทากเลยสักครั้งเดียว ซึ่งครั้งนี้ eyejung ก็ต้องพยามรักษาสถิติตัวเองให้ได้ สู้สู้ อิอิ… แต่แอบระแวงตลอดทาง

หลังจากเลือกแนวทางของตัวเองกันได้แล้วก็แยกยายกันออกเดิน สายที่ช้าสุดก็สาย มาโคร…เนี่ยแหละ นอกจากจะเสียเวลาในการมองหาสิ่งมีชีวิตอื่นในโลกใบเล็กๆ สิ่งมีชีวิตที่หลายครั้งเรามองข้ามมันไป แต่มันเป็นความมหัศจรรย์ของโลกมาโคร ที่เราจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ หน้าตาคล้ายสัตว์ประหลาดที่มาจากดาวดวงอื่น หรือแม้แต่ มอสเล็กๆ ก็สวยงามอยู่ในป่าใหญ่ โดยเฉพาะเห็ดเชมเปญ หรือ…แม้แต่เห็ดธรรมดายังมีความสวยงามที่ต้องบอกว่าทำให้หลายคนหลงรักกับความสวยงามเล็กๆ บนโลกใบนี้เพราะมันทำให้เราตื่นเต้นกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบๆ ตัวเรา เรียกว่าเป็นความสุขที่หาง่ายๆ รอบๆ ตัวของเราเอง ความพิเศษของการถ่ายภาพ ที่จะทำให้เราได้เห็นมุมมองที่ต่างไปจากเดิมๆ มุมมองของช่างภาพที่ต่างกับของคนทั่วไป ในสถานที่เดียวกัน แต่สร้างสรรค์ออกมาแล้ว คนชอบถ่ายภาพจะหามุมมองที่สวยงามกว่า เรียกว่าเป็นคนที่มีมุมมองที่สร้างสรรค์ เราร่วมกันตามหามหัศจรรย์ของโลกใบนี้ไปด้วยกันดีกว่า เดินเขามาเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกเหวนรก กลุ่มแรกเจอเจ้าแมงมุมยักษ์ แก็งค์ก๊วนชาว CAMERART ก็ไม่รอช้าจับกลุ่ม ถ่ายแมงมุม งานนี้ eyejung ขอผ่าน หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้ว ตกลง eyejung ถ่ายอะไรบ้างขอผ่านมาตลอด 555… นั่นสิเนอะ แต่ทริปนี้ตั้งใจจะมาถ่ายเห็ดเชมเปญ แต่มันยังหาไม่เจอนั่นเอง หากันต่อไป

ด้วยความที่ต้องรักษาสถิติตัวเองเอาไว้การจะเดินออกนอกเส้นทางเพื่อหาเห็ดแชมเปญ มันก็มองดูจะเป็นความเสี่ยงเกินไปสำหรับ eyejung แต่โชคดีที่เรามากันเยอะ หลายคนช่วยกันมองหา และแบ่งปันกัน ซึ่งเป็นเรื่องอะไรที่พิเศษมากนอกจากเราจะได้ภาพที่สวยงามกลับไปแล้วเรายังได้มิตรภาพดีๆ กลับไปด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่ได้จากการร่วมเดินทางด้วยกันที่สร้างสีสันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยเติมเต็มพลังงานชีวิตเรา

เดินมาเรื่อยๆ เลยจุดที่ถ่ายแมงมุม ก็เจอฐานที่สองกำลังถ่ายตั๊กแตนกันอยู่ ฐานนี่ eyejung ก็ขอผ่าน จนมาเจอพี่แพท และพี่น้อย กำลังเซ็ตซีนถ่ายเห็ดเชมเปญกันอยู่นี่แหละที่ eyejung ตามหา ไม่รอช้าขอร่วมแจมด้วย เพราะสถานที่ดูปลอดภัย งานนี้ปลอดทากแน่ๆ แจมวงนี้เสร็จออกตามหาเห็ดแชมเปญกันต่อ เดินมาเจอ พี่ป้อน ออกนอกเส้นทาง ที่มีความเสี่ยงว่าเข้าไปนี้ได้เป็นนางงามผู้ใจดีแน่ๆ เพราะดูจากพื้นที่แล้วคงไม่รอดบริจาคเลือดให้ทากแน่ๆ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไป (เขียนเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบไปได้ 555… ความรู้สึก ณ เวลา นั้น) แต่เดินเข้าไปหา พี่ป้อน เจอพี่ป้อนกำลังถ่ายเห็ดแชมเปญขอนใหญ่ แต่สภาพแสงน้อยมากต้องใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งนั่นแหละปัญหาของ eyejung เพราะไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปนั่นเอง แล้วจะทำอย่างไงล่ะงานนี้  ซึ่งไม่ใช่ปัญหา เพราะพี่แพทเดินมาพอดี  เลยขอพี่แพทว่าขอยืมขาตั้งกล้องหน่อยนะ  เพราะว่า eyejung ต้องรีบออกไป แค่เข้ามาก็เสี่ยงจะแย่อยู่แล้ว และคิดขึ้นได้ว่าต่อไปเราควรพกเพลทขาตั้งกล้องมาด้วยดีกว่า  ขาตั้งกล้องมาขอยืมเอาหน้างาน แต่คนที่ไม่ขอเข้ามาเลย…พี่น้อย บอกว่าจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด ขอจัดซีนเห็ดเล็กอยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่เดียว 

ในเมื่อเห็ดแชมเปญขอนใหญ่ที่อยู่ข้างในป่า ทั้งเสี่ยงทาก และแสงไม่สวย อ.นพ… เลยบอกว่า ยกออกมาจัดซีนข้างนอกดีกว่า จะได้แสงสวยๆ และไม่เสี่ยงโดนทากดูดเลือดเอาด้วย ซึ่งทุกคนก็เห็นดีเห็นงาม ร่วมด้วยช่วยกันยกขอนไม้ที่เต็มไปด้วยเห็ดแชมเปญมาเซ็ตซีนด้านนอกกัน แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าถ่ายเสร็จต้องยกไปเก็บที่เดิมด้วย ทุกคนรับทราบเงื่อนไข… พร้อมปฏิบัติ อิอิ… รุมถ่ายเห็ดแชมเปญจนเพลิน ลืมเรืองทากไปเลย นึกได้อีกที่ใกล้หมดเวลา ออกจากน้ำตกเหวนรก ได้เวลาสำรวจบาดแผล ใครใจบุญมากใจบุญน้อย งานนี้นับที่รอยเลือดที่ไหลออกมา และคราวนี้ก็เป็นอาการของคนที่อุปทานหมู่ พอเห็นเพื่อนโดน ก็รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรไต่ แต่หาไม่เจอ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ต้องลองไปเดินป่าดู แล้วเราจะมีโมเม้นท์แปลกๆ ให้ได้ฮ่าฮ่ากัน ส่วนคนที่ระวังมากอย่างพี่น้อย งานนี้ไม่พลาด โดนกับเขาไปหนึ่งแผลที่พุง ส่วน eyejung ก็ยังคงรักษาสถิติไม่โดนทากกัดสักครั้งในชีวิต ด้วยความภาคภูมิใจ ได้ยินคนตระโกนมาไกลๆ ทากมันกลัวความเค็มไง แหม่ๆ ก็ช่างใจร้ายว่าเขาเค็มชิชิ ทริปนี้ถือว่าแม้จะเจอฝนตกอยู่บ้าง แต่เราก็ยังโชคดีได้ภาพดีๆ กลับไป การมาถูกที่ถูกเวลา เป็นคำที่เราได้ยินเสมอสำหรับช่างภาพ ถ้าอยากได้ภาพที่ดี ควรไปให้ถูกที่ในเวลาที่ใช่ การจะได้ภาพสวยๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยมุมมองจากของการถ่ายภาพ สามารถสร้างประสบการณ์และโลกใหม่ให้กับเราได้เสมอ Bye…eyejung