เรื่อง+ภาพ : eyejung

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 245/2018 February

วันนี้ eyejung อาสาพาเที่ยว ซึ่งเป็นทริปที่ต้องบอกว่ายาวมากกกกกกกกก….เลยขอแบ่งเป็นตอนๆ เราจะเริ่มต้นกันที่…เกาะพระทอง…ก่อน แล้วทำไมถึงต้องเป็นเกาะพระทอง…ที่มาของทริปเรา คือ ด้วยสมาชิกส่วนใหญ่จะโสด เที่ยวกันมาหลายปีดีดักก็ยังโสดกันอยู่ และช่วงปีใหม่คนมีคู่เขาก็ไปเที่ยวกับครอบครัวเขา พวกเราจึงต้องเกาะกลุ่มกันไป แต่ช่วงเทศกาล ก็อย่างที่รู้กันว่าแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว ยิ่งช่วงปลายปี อากาศเย็น…แหล่งท่องเที่ยวทางภาพเหนือไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีคนมหาศาลล้านแปด เมื่อเราเบื่อปัญหาเรื่องผู้คน เลยต้องการหาแหล่งท่องเที่ยวที่พักกาย พักใจ ที่พร้อมชาร์ทพลัง สำหรับการเริ่มต้นใหม่ของปี และหลีกปัญหาเรื่องรถติดในช่วงเทศกาลด้วย บทสรุปของพวกเราเลยเลือกที่จะไปเที่ยวภาคใต้ ซึ่งเป็นช่วงที่ทะเลกำลังสวยงาม แต่ช่วงที่เราไปเกิดมีมรสุมเข้าอ่าวไทย  หนาวๆ ร้อนๆ อยู่เหมือนกันว่าจะเจอฝนกับเขาไหม

เมื่อเราเลือกภาคใต้แล้วเราก็มาดูว่าจะไปจังหวัดไหนกันดีเนื่องจาก eyejung มีพี่สาวอยู่จังหวัดพังงา เลยขอเลือกไปจังหวัดพังงา และแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้บ้านพี่สาวนั่นเอง เราจึงเลือก เกาะพระทอง ที่อยู่ในอำเภอคุระบุรี รอบนี้เราเดินทางด้วยรถตู้ เพื่อความสะดวก แต่ถ้าเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ ไปจำนวนคนไม่มาก แนะนำว่านั่งรถทัวร์มาลงปากทางเข้าแพปลาคุระบุรี แล้วนั่งวินมอร์เตอร์ไซด์มาที่ท่าเรือคุระบุรี จะมีเรือข้ามฝากไปเกาะพระทอง ซึ่งค่าเรืออาจจะแพงหน่อย แต่ด้วยเราไปกันจำนวนเยอะ และความโชคดี คือ รู้จักคนพื้นที่ เลยแนะนำให้ไปขึ้นที่ท่าเรือบังแดด ท่าเรือนี้จะราคาถูกกว่า ความสะดวกสบายอาจจะไม่เท่า เพราะเป็นท่าเรือประมงพื้นบ้าน แถมต้องไปลงเรือไม่เกิน 9 โมงเช้า เพราะมันมีเวลาน้ำขึ้นน้ำลง นัดกันออกเดินทางช่วงสิ้นปีพอดี ลุ้นเหมือนกันว่าจะเจอรถติดไหม เพราะกลัวลงเรือไม่ทัน แต่ความโชคดีที่เราก็ไม่เจอปัญหารถติดเลย มาถึงอำเภอคุระบุรี ตอนตีห้ากว่าๆ จัดการทำธุระส่วนตัวที่ปั๊มน้ำมันบางจากหน้าปากทางเข้าบ้านพี่สาว แล้วแวะเข้าบ้านหาพี่สาว หาอะไรทานกันให้เรียบร้อย แล้วเดินทางไปลงเรือเร็วกว่าที่คาดไว้ เรือก็เป็นเรือไม้โดยสารแบบที่ใช้ในภาคใต้ทั่วไป นั่งเรือประมาณ 40 นาที เราก็เดินทางมาถึงท่าเรือแป๊ะโย้ย ถ้าจะให้สะดวกสุดคือ จองที่พักบนเกาะพระทองไว้แล้วให้ทางรีสอร์ทเป็นผู้จัดการทั้งเรื่องที่พัก และนำเที่ยว ครั้งนี้เราเลือกใช้ที่พักของ รักษ์กัน รีสอร์ท ซึ่งเจ้าของคือ โกแดง เป็นคนรู้จักกับพี่สาว เราบอกความต้องการของเราไว้ล่วงหน้า ว่ากรุ๊ปเราเน้นถ่ายภาพซึ่งไปถึง โกแดง ก็จัดรถลีมูซีน มารับคณะเรา (งานมโนขอให้บอก)   

มาถึง เกาะพระทอง แล้วมาดูแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะกันบ้าง บนเกาะพระทอง…พื้นดินส่วนใหญ่จะเป็นดินปนทรายไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก อันเนื่องมาจากสภาพธรรมชาติและเคยผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อน สมัยเหมืองแร่เฟื่องฟู เกาะพระทองเป็นแหล่งขุดแร่ดีบุกและมีการค้าขายรุ่งเรือง จนกระทั่งเกิดไข้ทรพิษระบาด และโลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 การทำเหมืองจึงยุติลง เกาะพระทองเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพังงา และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของเมืองไทย บนเกาะพระทองมีแค่ 3 หมู่บ้าน คือ บ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะจะเห็นเป็นทุ่งหญ้าสีทอง ตัดกับพื้นทรายขาวละเอียด ก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นของเกาะแห่งนี้ ด้านตะวันออกสมบูรณ์ด้วยแนวป่าโกงกาง ด้านตะวันตกเป็นหาดทราย ส่วนบริเวณกลางเกาะเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นเสม็ดขาวขึ้นกระจายอย่างดงามด้วยรูปทรงที่แปลกตา  

ด้วยความที่เกาะพระทองมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก บนเกาะไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเกาะพระทองไม่โด่งดังเหมือน เกาะตาชัย ที่มาทีหลังแต่ดังแซงโค้งไปแล้ว แต่สำหรับคนที่ต้องการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ในแบบ Unseen Thailand กับการชื่นชม ทุ่งหญ้าสะวันน่าเมืองไทย ด้วยรถลีมูซีนเกาะ (รถอีแต๊ก) ซึ่งต้องบอกว่าหาไม่ได้ที่ไหน เราจะได้นั่งรถชมทุ่ง แล้วก็ต้องลงจากรถมาช่วยกันเข็น หรือแม้แต่ขับไปสายพานรถหลุดไป ใส่สายพานใหม่ตลอดการเดินทาง ในการเดินทางมาครั้งนี้ ทุกคนจะได้เรื่องราวในความไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันเพิ่มเติมประสบการณ์การเดินทางให้พวกเรา ความสุขของการไปเที่ยวอาจจะไม่ใช่แค่การไปถึงสถานที่ท่องเที่ยว แต่ความสุขมันเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางแล้วมันช่วยเติมเต็มเรื่องราวในชีวิตเรา เรานั่งรถชมทุ่งในช่วงเช้าเสร็จก็เดินทางเข้าที่พัก รักษ์กัน รีสอร์ท ที่เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ สร้างกลมกลืนกับธรรมชาติ พักได้ บ้านละ 2-4 ท่าน ราคาที่พักไม่แพง 

เข้าที่พักเก็บของ แล้วก็ออกมาสำรวจพื้นที่กันหน่อย แล้วช่วงบ่าย โกแดง จะพาเราไปชมทะเลแหวกที่เกาะพระทอง ช่วงบ่ายสาม เราเปลี่ยนมาใช้รถกระบะ เพื่อความรวดเร็ว ก่อนเวลาน้ำทะเลจะขึ้นมา ทริปนี้ทุกท่านจะได้ประสบการณ์นั่งรถซิ่งเลียบชายหาด ซึ่งเกาะพระทองก็มีทะเลแหวกให้ชม แบบ Unseen จากทะเลแหวก รีบกลับมาถ่ายพระอาทิตย์ตกหน้าหาดสุดขอบฟ้า นอกจากกิจกรรมท่องเที่ยวในช่วงกลางวันแล้ว กลางคืนก็ยังมีกิจกรรมส่องสัตว์ เพื่อไปดูกวางที่อาศัยอยู่ในเกาะพระทอง หรือจะออกไปนั่งเรือออกตกปลาหมึกช่วงกลางคืนก็ได้ ใครชอบดำน้ำที่นี่ก็มีกิจกรรมพาไปดำน้ำ เรียกว่ามาที่เดียวได้เที่ยวครบทั้งบนบกใต้น้ำ ลืมบนฟ้า สามารถถ่ายทะเลดาวได้อีก ถ้าฟ้าเปิด ทริปนี้เสียดาย ฟ้าปิด เลยอดได้ภาพทะเลดาดาวกลับมาให้ชมกันเลย เราพักเพียงคืนเดียว รุ่งเช้าเราเตรียมเก็บของ แล้วไปเก็บภาพทุ่งหญ้าสะวันน่าช่วงเช้าอีกครั้ง แล้วเดินทางกลับมาที่ฝั่งพังงา โปรแกรมต่อไปคือไปเยือนเมืองเก่า ย่านตะกั่วป่า ซึ่งคนที่พังงาบอกว่า ท่านผู้ว่าเพิ่งมาเปิดงานถนนคนเดินไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา

ข้ามจากเกาะพระทองเราก็มุ่งหน้าสู่ ย่านเมืองเก่า ตะกั่วป่าซึ่งเราจะพบกับอาคารบ้านเรือน ตึกเก่า โบราณชิโนโปรตุกีส ที่มีอายุกว่า 200 ปี เรียงรายอยู่สองข้าง และยังคงอนุรักษ์แบบดั้งเดิมไว้ เป็นถนนสายวัฒนธรรม สุดชิลของจังหวัดพังงา โดยเฉพาะถ้ามาวันอาทิตย์ จะมีถนนคนเดินให้เลือกซื้ออาหารพื้นเมือง พร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็น แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้เดินชิลๆ ถ่ายภาพเก๋ๆ แบบย้อนวันวาน ที่สุดชิลอีกต่างหาก เดินเพลิดเพลินกับการชมเมืองเก่า  แล้วเราไปหาที่เช็คอินกันต่อที่จังหวัดพังงา ที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น จนคนพื้นที่ยังบอกว่าทำไมจังหวัดไม่ค่อยโปรโมทของดีของตัวเอง แถมทางจังหวัดภูเก็ตยังอาศัยทรัพยากรด้านแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา ในการขายทัวร์ ฟังแล้วก็น่าน้อยใจแทนเจ้าของพื้นที่ แทนที่รายได้ในส่วนนี้จะเป็นของคนพื้นที่  กับเป็นรายได้ของคนจังหวัดภูเก็ต

จากอำเภอตะกั่วป่า เรามุ่งหน้าสู่อำเภอท้ายเหมือง คืนที่สองของทริปนี้เราเลือกนอนที่…อุทยานแห่งชาติเขาลําปี-หาดท้ายเหมือง ซึ่งตรงกับวันสิ้นปีพอดี เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาลําปี-หาดท้ายเหมือง เวลาบ่ายสามโมง วันนี้วันสิ้นปีเลยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าอุทยาน เพราะกรมอุทยานยกเว้นให้เป็นของขวัญปีใหม่ คืนนี้เราทำการจองเต็นท์ไว้ ค้างแรมที่นี่มาถึงอุทยานสอบถามเจ้าหน้าที่ เรื่องการเข้าไป เขาหน้ายักษ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่า จะเข้า เขาหน้ายักษ์ ต้องใช้รถ 4 WD เข้าไป ซึ่งครั้งนี้เราพลาดอย่างจัง เพราะไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าต้องใช้รถพื้นที่ สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าอุทยานไม่มีรถของอุทยานพาเข้าเหมือนอุทยานอื่นๆ เหรอ ซึ่งก็ไม่คำตอบว่าไม่มี ให้แนะนำรถ เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่รู้จักใครเลย เคยมีคนเอาเบอร์โทรมาให้แต่ไม่รู้เอาไว้ไหนแล้ว เรียกว่างานเข้าอย่างจัง แถมกดดันเรื่องเวลาว่า…ถ้าเข้าไปต้องออกก่อน 6 โมงเย็นอีก เรียกว่าบีบคั้นสุดๆ โทรหา รองนายก โจ อบต. ทุ่งมะพร้าว ที่เราทำการจองรถไว้ในวันรุ่งขึ้นก็บอกว่าไม่มีรถเลย เลยต้องพึ่ง…อ.กูก์… ได้เบอร์ กำนันตุ๊ มาเหมือนสวรรค์ทรงโปรด กำนันตุ๊ บอกว่ามีรถว่าง เดี๋ยวเข้ามารับ ค่ารถ อยู่ที่ 1,500 บาท ต่อ 10 ท่าน รอไม่นาน กำนันตุ๊ ก็ส่ง คุณปราโมท น้องเขยกำนัน มารับพวกเรา ระยะทางจากที่ทำการไปเขาหน้ายักษ์ 15 กิโลเมตร แต่จากปากทางที่จะเข้าหน้ายักษ์ 8 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเล็กมาก รถสวนกันไม่ได้ และทางเหมือนเกาะพระทอง แต่ดูจะโหดกว่า ซึ่งแนะนำว่าถ้าจะไปเที่ยวเส้นทางที่ต้องใช้รถ 4 WD กรุณาใช้รถพื้นที่ดีกว่า เพราะว่าเราไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ แม้เราจะมีรถ 4WD ก็เถอะ การขับรถในพื้นที่ทรายและทางแคบขนาดนี้ไปติดอยู่ข้างใน มันจะทำให้คนอื่นๆ เขาลำบากไปด้วย และอีกอย่างก็เป็นการกระจายรายได้ให้กับคนพื้นที่ด้วย

เราเดินทางเข้าเขาหน้ายักษ์ โดยรถผ่านบริเวณนี้ยังเป็นทุ่งเสม็ดขาวกว่า 1,000 ไร่ มีพร้อมทุ่งหญ้าสีทองสวยงามกว้างไกลสุดสายตา เหมือนเกาะพระทอง จนเราหลงคิดว่าเรายังอยู่บนเกาะพระทองอยู่หรือไง เป็นเหมือนทุ่งสะวันน่าในประเทศแอฟริกา ขาดก็แต่ ยีราฟ สิงโต ม้าลาย ซึ่งเป็นอีกจุดให้แวะเก็บภาพ ซึ่งครั้งนี้เราไม่ได้แวะ เนื่องจากกลัวไม่ทันแสงเย็นที่เขาหน้ายักษ์ เพราะเขาหน้ายักษ์เป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง

เขาหน้ายักษ์ที่หันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลัน จะมีหน้าผาที่มีรูปร่างเหมือนกับใบหน้าของยักษ์ที่มีอาการโกรธเกรี้ยว  จนกระทั่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือรบของทหารญี่ปุ่นที่แล่นผ่านบริเวณนี้ได้เกิดล่มจมลงโดยไม่มีสาเหตุหลายลำด้วยกัน  ทหารญี่ปุ่นจึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอาถรรพ์ของหน้าผารูปร่างคล้ายหน้ายักษ์ เลยใช้ปืนใหญ่ยิงส่วนที่เป็นเหมือนหน้ายักษ์จนพังและจมลงบริเวณทะเลดังกล่าว จึงเป็นที่มาของตำนานเขาหน้ายักษ์มาจนถึงทุกวันนี้

เขาหน้ายักษ์ จะมีลักษณะเป็นหาด 3 ส่วน หาดส่วนที่ 1 ติดกับหาดท้ายเหมือง โค้งยาว กว้างสุดสายตา หาดส่วนที่ 2 ถูกโอบล้อมด้วยไหล่เขา ทรายขาวละเอียด ด้านหลังเป็นผา หาดส่วนที่ 3 มีหินแปลกตา ทั้งลานหิน และผาสูง ที่ต้องปีนป่าย และหินค่อนข้างคม ต้องใช้ความระมัดระวังพอคมควร แต่ด้วยลักษณะที่แตกต่างกันของทั้ง 3 หาด ทำให้มีมุมในการถ่ายภาพแตกต่างหลากหลายมาก แนะนำให้เขาไปช่วงหลังบ่ายสามโมงเพราะจะได้ถ่ายทั้งวิวทะเล และเก็บแสงเย็นที่สวยที่สุด แต่ครั้งนี้คณะเราความหวังเก็บแสงเย็น แต่ก็มาพังทลาย เพราะเจอพายุฝนกระหน่ำลงมา จนต้องกลับมาตั้งหลักที่ทำการอุทยานกันก่อน 

อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เป็นอีกหนึ่งอุทยานดีเด่นที่ดูแลเรื่องความสะอาดได้มีมาก ห้ามนำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้ามา และกล่องโฟม ที่ย่อยสะลายยาก เข้ามาในพื้นที่อุทยาน ถือว่าเป็นอุทยานที่เอาจริงเอาจังกับการรักษาธรรมชาติ และมีโครงการร่วมกับนักท่องเที่ยว เพื่อปลูกจิตสำนึกให้กับนักท่องเที่ยวให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติ และระบบนิเวศน์

คืนนี้เราพักผ่อนกันเร็วหน่อย พรุ่งนี้เราจะออกไปแต่เช้ามากกกกกก….เพราะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สุด Unseen รอพวกเราอยู่ ตื่นกันมาตั้งแต่ตีสี่ จัดการธุระส่วนตัว แล้วรีบออกเดินทาง ไป อบต. ทุ่งมะพร้าว เพื่อไปทำการเปลี่ยนรถเป็นรถ 4 WD ทริปนี้…เราจึงใช้รถพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ ไปถึงตีห้า เจอรองนายก อบต. ทุ่งมะพร้าว คุณโจ ที่ดูแลเรื่องการนำเที่ยวขึ้นเขาไข่นุ้ย วันนี้เราจะขึ้นไปรับแสงแรกของปีบนยอดเขาไข่นุ้ยกัน เปลี่ยนรถปุ๊บเดินทางขึ้นยอดเขา ระยะทางไม่ไกลมาก แต่ความลุ้นระทึกไปไกลกว่า เพราะทางค่อนข้างชันมาก เห็นรถเก๋งไต่ลงมา ซึ่งรถเก๋งไม่สามารถขึ้นได้ เขาก็มีป้ายเตือนแล้ว ก็ยังจะดื้อเอาขึ้นไปอีก เสียเวลาหลบรถ เพราะทางชันและแคบมาก แถมเมื่อวานฝนตก ทางจึงลื่นเข้าไปอีก เขาไข่นุ้ยอยู่ห่างจากที่ทำการ อบต.ทุ่งมะพร้าวแค่ 4 กม. เป็นถนนลูกรัง 3 กม. พวกเรานั่งเกาะจนเกร็งตลอดระยะทางของถนนลูกรัง

หนึ่งเดียวแห่งอันดามัน….เขาไข่นุ้ย จังหวัดพังงา ที่หลายที่ยกย่องเรื่องความมหัศจรรย์ของที่นี่ 6 สิ่ง คือ 1. ชมพระอาทิตย์ตก 2. ชมพระอาทิตย์ขึ้น 3. ชมทะเลหมอก 4. ชมทะเลอันดามัน 5. ชมทิวเขา และ 6. ชมทะเลดาว รอบนี้เราแค่มาชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก และทะเลอันดามัน เพราะว่าถ้าจะได้เห็นทั้ง 6 สิ่งมหัศจรรย์ ต้องขึ้นไปค้างแรมด้านบนเขาไข่นุ้ย ที่นี่จะมีบริการโฮมย์สเตย์ และลานกางเต็นท์ ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณโจ อบต.ทุ่งมะพร้าว โทร. 084 309 9222

ลงจากรถ เดินขึ้นเนินมานิดหนึ่ง เราก็เจอทะเลหมอกที่คอยต้อนรับพวกเราอยู่แล้ว จนคิดว่าเหมือนอยู่ภาคเหนือ แต่ที่เหนือกว่าใคร คือ ที่เขาไข่นุ้ยสามารถชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี แถมอากาศแค่เย็นสบายๆ ไม่ต้องถึงกับใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ เดินเพลิดเพลินกับการหามุมถ่ายภาพ นักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่  เลยไม่ต้องแย่งมุมกันมากมาย แต่ในอนาคตคาดว่าน่าจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เพราะสามารถมาเที่ยวชมได้ทั้งทะเล และทะเลหมอก ทะเลดาว เรียกได้ว่าเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่สุด Unseen ของจังหวัดพังงา เป็นอีกทริปที่สุดประทับใจกับสถานที่สุด Amazing ของพังงาเมืองสวยในหุบเขา

สามารถสอบถามข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และจองที่พัก ได้ตามนี้นะคะ

  • เกาะพระทอง รักษ์กัน รีสอร์ท โกแดง 09-1821-2689
  • อุทยานแห่งชาติท้ายเหมือง โทร.076-679-136
  • รถนำเที่ยวเขาหน้ายักษ์ กำนันตุ๊ โทร.08-1968-7600 และคุณปราโมช จินดา โทร.08-9972-4405
  • รถนำเที่ยวเขาไข่นุ้ย คุณโจ รองนายก อบต.ทุ่งมะพร้าว โทร.084 309 9222