เรื่อง+ภาพ : eyejung

หมู่เกาะสุรินทร์เป็นสถานที่เรื่องของความสวยงามโลกใต้ทะเล ปะการังนานาชนิด และปลาหลากหลายสายพันธ์ โดยเฉพาะ ปลาการ์ตูนน่ารักอย่าง ปลานีโม่ ก็หาชมไม่ยากที่หมู่เกาะสุนรินทร์

ถ้าพูดถึงเรื่องเดินทาง ต้องบอกว่าตัวผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนักเดินทาง เรียกว่าขึ้นเหนือ ล่องใต้แบบไม่หยุดหย่อน ด้วยในสายงานที่ทำ กับการเป็นคนรักในการท่องเที่ยว เราจึงหาโอกาสออกเดินทางเสมอ เพราะการเดินทางทำให้เราเห็นมุมมองที่ต่างออกไป ประสบการณ์ การเรียนรู้โลกกว้าง มันไม่สามารถหาได้จากตำรา หรือฟังเขาเล่าว่า เมื่อการเรียนรู้โลกกว้างรออยู่ เราก็ไม่รอช้า แพคกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกันเลย แต่ช่วงที่เราจะเดินทางไป มีปัญหาภาคใต้น้ำท่วมถนนหลายสายถูกตัดขาด ยังไม่ทันออกเดินทางก็มีเรื่องให้ลุ้นกันแล้ว 

ทริปนี้เรากะจะเดินทางแบบชิลๆ โดยขับรถส่วนตัวไปกัน จะได้แวะเที่ยวระหว่างทางด้วยพอถึงวันเดินทางจริง มีเหตุให้ได้ลุ้นระทึกกันอีกเนื่องจากผู้ร่วมทริปติดภารกิจด่วน ต้องอยู่ทำงานจนถึงห้าทุ่ม ทำให้การเดินทางล่าช้าออกไปอีก แถมถนนบางช่วงชำรุด บันเทิงตั้งแต่เริ่มออกเดินทางกันเลย จุดมุ่งหมายการเดินทางอยู่ที่หมู่เกาะสุรินทร์ อยู่ในจังหวัดพังงา ออกเดินทางไปตามหาประสบการณ์ใหม่ๆ กันเลย

ออกเดินทางเกือบเที่ยงคืน กำหนดจุดหมายปลายทางท่าเรือคุระบุรี ซึ่งเราเปิด GPS คำนวณเวลา เราจะไปถึงเวลาประมาณ 8 โมงเช้า คือขับแบบว่าไม่มีการหยุดพัก ซึ่งเวลาเฉียดฉิวมาก เพราะเรือที่เราจองเพื่อข้ามไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ออกเดินทางมีรอบเดียวเวลา 9 โมงเช้า ลุ้นกันสุดชีวิต ทริปนี้ใช้บริการเรือข้ามฝากของซาบีน่าทัวร์ ซึ่งเป็นสปีดโบ๊ท ราคา 1,700 ไป-กลับ แต่ด้วยความโชคดีของเรามีเจ้าถิ่นที่รู้จัก จึงจองให้ในราคาพิเศษ ถูกกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปนิด แถมช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการจองเรือ และจองที่พักเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ว่าเราเอาตัวเองไปให้ทันเวลา ซึ่งคนขับของเราก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง พอให้ได้มีเวลาพักผ่อนทานอาหารเช้า เก็บสัมภาระ ก่อนจะลงเรือ ทางทัวร์ให้ไปทำประกันก่อนการเดินทาง และรับเสื้อชูชีพ คือ เมื่อรับไปแล้วเราจะต้องดูแลเสื้อชูชีพกันจนจบทริป เนื่องจากเราไม่ได้ซื้อทัวร์เต็มรูปแบบของเขา เราจึงต้องเช่าอุปกรณ์ดำน้ำเพิ่มเติมและด้วยความไม่แน่ใจเราจึงซื้อแพคเกจดำน้ำแค่วันแรก ราคาต่อหัว ต่อครั้งในการดำน้ำ 1 ทริป 150 บาท เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยได้เวลาไปติดเกาะกันแล้ว เย้ๆ…. 

ลงเรือ…ใช้เรือเดินทางจากท่าเรือไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ 1 ชั่วโมง ระยะทางห่างจากเกาะประมาณ 60 กิโลเมตร ด้วยความเพลียจากการเดินทางเราจึงนั่งหลับตลอดเส้นทาง และทางเรือไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินไปมาระหว่างออกเดินทาง ถ้าใครอยากชมวิวก็ต้องไปนั่งที่หัวเรือเลย แล้วก็ต้องอาบแดดตลอดเส้นทาง ซึ่งงานนี้เราขอบาย ขอชาร์จพลัง ตื่นขึ้นมาเราก็ต้องตลึงน้ำทะเลใสมาก เราเดินทางมาถึง อ่าวช่องขาด ที่เป็นเหมือนประตูที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว เมื่อมาถึงหมู่เกาะสุรินทร์ และเราต้องมาเปลี่ยนเรืออีกครั้ง เป็นเรือไม้ท้องถิ่น เพื่อเดินทางต่อไปยัง อ่าวไม้งาม เป็นอ่าวขนาดใหญ่ โค้งอ่าวเว้าลึกเป็นรูปตัว U ขนาบด้วยแหลมหินทั้งสองด้าน เป็นจุดที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง เราจึงเลือกที่จะพักที่อ่าวไม้งามด้วย ลงเรือ ก็ต้องแบกสัมภาระเดินจากจุดจอดเรือ อีก 200 เมตร เพื่อมายังที่พัก รอบนี้เราเลือกพักเป็นเต็นท์ ที่นี่มีทั้งบ้านพัก และเต็นท์ แต่บ้านพักมีเพียงสองหลังเท่านั้น ราคาบ้านพักหลังละ 3,000 บาท มีแบบพักได้ 4 ท่าน และ 10 ท่าน แต่ด้วยว่าเราไปเพียงกันแค่ 3 คน เราเลยเลือกพักเต็นท์  ซึ่งหลังละ 300 บาท ไม่รวมอุปกรณ์การนอนอีกชุดละ 60 บาท ขนของเสร็จเคลียร์ที่พักกับทางอุทยาน เสียค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานเพิ่มเติมอีกคนละ 100 บาท เจ้าหน้าที่ให้กุญแจเต็นท์ เอาของเข้าเก็บ ด้วยนั่งเรือโต้คลื่นกันมาตลอดเส้นทาง พวกเราเลยหิว เลยออกมาทานอาหาร ซึ่งราคาอาหารเริ่มต้นที่ 80 บาท จนหลักร้อย มื้อแรกมาถึง อุดหนุนอุทยานก่อนเลยแต่ที่นี่ เขาจะทำอาหารเป็นรอบๆ เท่านั้น คือ ถ้าจะทานตอนเที่ยง คุณก็ไปสั่งเขาล่วงหน้า พอเที่ยงเขาถึงจะเริ่มทำ ไม่ใช่หิวตอนไหนทานตอนนั่นได้เลย ก่อนไปก็ควรเตรียมเสบียงไปบ้าง ซึ่งถ้าไปซื้อบนเกาะทั้งหมดราคาจะค่อนข้างแพงมาก ควรพกพวกอาหารสำเร็จรูปไปด้วย ก็จะสะดวกมาก เพราะทางอุทยานบริการน้ำร้อน และน้ำดื่ม ฟรี ทานอาหารเสร็จขอกลับไปงีบเอาแรงสักหนึ่งตื่น เรามีนัดออกมาดำน้ำช่วงบ่ายสองโมง เลยยังไม่ได้สำรวจเกาะ ได้เวลาออกมารวมพล ณ จุดลงเรือ เนื่องจากเรามากันน้อยเราจึงรวมทริปกับท่านอื่นๆ และก่อนลงเรือทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้พวกเราทราบว่า กรุ๊ปเราพิเศษมีโปรแกรมแถมให้ ทุกคนตาลุกวาว บริษัททัวร์ของ ซาบีน่าทัวร์ ใจดีจัง แต่พอบอกว่าโปรแกรมงอกคือ โปรแกรมเดินศึกษาธรรมชาติ 2 กิโล ทุกคนได้แต่หะ!…. อะไรนะ แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามันเป็นเฉพาะกิจ เนื่องจากวันนี้ขึ้น 1 ค่ำ น้ำจะลง เรือเข้าจอดหน้าหาดไม่ได้ เราเลยได้โปรแกรมแถม จะดีใจดีไหมละเนี่ย…..

หลังจากชี้แจงกันเรียบร้อยแล้ว Let go ออกเดินทาง เจ้าหน้าที่ส่งแชมพูมาให้รีบใส่หน้ากากดำน้ำ เพื่อจะได้ล้างก่อนใส่ จะได้เห็นมหัศจรรย์โลกใต้ท้องทะเลอย่างจัดเจน ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง หมู่เกาะสุรินทร์เป็นสถานที่เรื่องของความสวยงามโลกใต้ทะเล ปะการังนานาชนิด และปลาหลากหลายสายพันธ์ โดยเฉพาะ ปลาการ์ตูนน่ารักอย่าง ปลานีโม่ ก็หาชมไม่ยากที่หมู่เกาะสุนรินทร์ ไกด์พาไปปล่อยจุดดำน้ำ บอกว่าเรือจะไปรับปลายทางตรงนู้น เห็นไกด์ชี้จุดขึ้นเรือ ถึงกับช็อคมันไกลไปไหม มองดูแล้วเป็นกิโลๆ เลยนะ แล้วไกด์ก็บอกลงไปเถอะไม่ไกล ส่วนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยลากพาไป รู้สึกอยากว่ายน้ำไม่เป็นขึ้นมาเลย ฮ่าฮ่าฮ่า…

ลงน้ำไปปุ๊บ เจ้าหน้าที่รีบบอกเลยว่าเราใส่ชูชีพยังไม่รัดกุม รัดสายทุกสายให้แน่น และที่เราพลาดมากคือเราไม่รู้ว่าเราควรรัดสายรัดผ่านเป้าด้วย เจ้าหน้าที่ รีบเข้ามาช่วยเหลือ  เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย คือถ้าใครจะดำน้ำแบบ สน๊อกเกิ้ล คือต้องใส่เสื้อชูชีพและรัดสายรัดให้กระชับตัว โดยเฉพาะสายรัดเป้าห้ามลืมเข็ดขาด เพราะเสื้อชูชีพคือสิ่งที่ช่วยชีวิต แต่ถ้าลืมรัดสายรัดเป้า ช่วงเจอแรงคลื่นเสื้อชูชีพจะดันขึ้นมารัดคอเราแทน อันตรายถึงชีวิต อย่าลืมเด็ดขาด เจ้าหน้าที่มาช่วยใส่สายรัดเป้าให้เรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกไปพบโลกใหม่กันได้แล้ว โอโห!….ต้องบอกว่าเราเหมือนกับพบโลกใหม่ อีกหนึ่งโลกหนึ่งจริงๆ ทุกอย่างมันดูสวยงามปลาหลากสีที่แหวกว่าย ปะการังนานาชนิด ความสวยงามทำให้เราลืมเรื่องระยะทางไปเลย เพราะตอนนี้เรากำลังตกหลุมรักโลกใต้ทะเลแหล่งนี้เสียแล้ว ด้วยความสวยงามจนอยากหยุดเวลาให้อยู่ตรงนี้ไปนานๆ สิ่งที่เราไม่พลาด คือเอากล้องใต้น้ำ Nikon Coolpix AW130 ไปเก็บภาพใต้น้ำกลับมาบันทึกความทรงจำ งานนี้ได้รับความอนุเคราะห์ จาก บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่ด้วยเราดำน้ำแบบสน๊อกเกิ้ล จึงเข้าใกล้วัตถุมากไม่ค่อยได้ งานนี้เราจึงต้องพึ่งไกด์ถ่ายให้ เราบอกอยากได้ภาพปลานีโม่ ไกด์นำทริปก็ถ่ายแต่ปลานีโม่ 555… ปะการังและปลาอื่นๆ เราหายไปไหน จะดำน้ำลงไปถ่ายให้ แต่ก็ไม่ได้อย่างที่เราต้องการทุกอย่าง แต่ถึงอย่างงั้น ก็ต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ดูแลพวกเราดีมาก เพลิดเพลินกับโลกใต้ทะเล

หมดโปรแกรมดำน้ำในวันแรก เจ้าหน้าที่มาส่งเราที่อ่าวเขาช่องขาด โปรแกรมแถมมาแล้ว เพราะเราจะต้องเดินศึกษาธรรมชาติในสภาพอากาศร้อนระอุมาก เพื่อกลับไปที่พักที่อ่าวไม้งาม กลับมาเติมพลังกันก่อน แล้วเราจะกลับไปอ่าวเขาช่องขาดกันอีกครั้ง เพื่อเดินไปเก็บภาพแสงเย็นที่อ่าวกระทิง ที่เป็นจุดเชื่อมกับอ่าวเขาช่องขาด อ่าวกระทิงถือว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยงามที่สุดของ หมู่เกาะสุรินทร์ งานนี้เราไม่พลาด แต่ตอนกลับจากถ่ายแสงเย็น ค่อนข้างทุลักทุเลพอควร ด้วยน้ำทะเลที่ขึ้น เราต้องเดินฝ่าความมืดและฝ่าคลื่นน้ำทะเลกว่าครึ่งเอว เพื่อเดินกลับที่พัก เรียกว่ากว่าจะได้ภาพสวยเราก็ต้องฝ่าคลื่นกันเลยที่เดียว

วันสุดท้ายของการติดเกาะ เช้านี้ทานอาหารญี่ปุ่นที่เตรียมมา มาม่าคัพ น้ำร้อนจากอุทยาน โปรแกรมวันนี้เราจะไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวมอแกน ช่วงระหว่างรอเรือ ก็เก็บภาพปูเสฉวน ไปเพลินๆ เพราะที่นี่มีเยอะมาก ได้เวลาลงเรือออกเดินทางไปอ่าวบอน เป็นอ่าวที่อยู่ไม่ไกลจากอ่าวช่องขาดมากนัก เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวมอแกน หรือ ชาวยิปซีทะเลที่ใช้ชีวิตร่อนเร่ อยู่กลางทะเลอันดามันมาหลายชั่วอายุคน เดินทางมาถึงอ่าวบอนเราจะเห็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านชาวมอแกนที่เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง หลังคามุงหญ้าแฝก ดูมีมนต์เสน่ห์กลมกลืนกับธรรมชาติ เที่ยวเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวมอแกน หลายคนคงจะมีคำถามว่า  มอแกน  แปลว่าอะไร  เรามักจะได้คำตอบว่า “ม่ายรู้ (ไม่รู้และไม่เห็นน่าต้องรู้เลย) ….ม่ายรู้…. ก็ไม่รู้ไม่เห็นแปลก เพราะถ้ามีใครมาถามเราว่า “สยาม” แปลว่าอะไร เราก็คงตอบคล้ายๆ กัน เป็นคำตอบที่ไม่ต้องถามต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า… ชมหมู่บ้านมอแกนเสร็จ ทางทัวร์ก็พาเราไปดำน้ำดูปะการังส่งท้าย เพื่อเป็นการอำลาโลกใต้ท้องทะเลอันดามัน สวรรค์ของคนรักทะเล…..