เรื่อง : eyejung, ภาพทีม : CAMERART

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 258/2019 March

หน้าต่างสมาชิกในตอนนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเผื่อเอาใจตัวเองของ eyejung  555… เริ่มเปิดเรื่องมาคงงงกันแล้วสิ ว่าที่ผ่านมาก็เหมือน เอาแต่ใจตัวเองมาตลอด แต่นั่นแหละเรายังคงคอนเซ็ปต์เดิม ตามใจตัวเอง กับทริปเฉพาะแบบปัจจุบันทันด่วนแบบว่าถ้าไม่มีใครไปด้วย ก็จะบังคับคนรอบข้างให้ไปด้วยกัน ด้วยความที่พลาดตอนทริปปีใหม่ที่ตั้งใจจะไปชมใบเมเปิลแดง แต่ด้วยดินฟ้าอากาศเมืองไทยมันปั้นป่วนไม่รู้ว่าฤดูไหนเป็นฤดูไหนแล้ว และธรรมชาติก็คาดการณ์อะไรไม่ได้ ไม่มีบรรทัดฐานว่าว่าปีก่อมนเป็นแบบนี้ แล้วปีนี้จะเป็นเหมือนเดิม ทริปปีใหม่เราเลยกินแห้วกันไป ดอกนางพญาเสือโคร่งก็ไม่บาน ในเมเปิล ที่ปีแล้วแดงตอนปีใหม่  ปีนี้ก็เขียวขจี  เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าคงจะแดงช่วงปลายเดือนมกราคมพร้อมดอกพญาเสือโคร่ง eyejung เลยขอจัดทริปแบบกันพลาด ไปต้นเดือนกุมภาพันธ์  แล้วกัน

เมื่อมีใจที่มุ่งมั่นที่จะไปชมซากุระเมืองไทย และใบเมเปิลแดง พรมแดงในป่าเขียว ที่พักเหลืออยู่หลังเดียวพอดี ลงประกาศหาผู้ทริปก็ได้ผู้ร่วมขบวนการ แบบเต็มบ้านพักพอดิบต่อดี ก่อนวันเดินทางมีการโทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนว่าใบเมเปิลแดงหรือยังได้รับคำตอบว่ากำลังแดงเลย แค่นี่ก็รู้สึกอุ่นใจที่ฝันเป็นจริง 555…. ออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ จุดนัดพบคนเดินทางปั๊ม ปตท. หอการค้า มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินล่องกล้า เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี  ชัยนาท นครสวรรค์ ตัดเข้าพิษณุโลก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง เราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติภูหินล่องกล้า  ก็เกือบเที่ยงพอดี เลยให้ทุกคนเติมพลังกันก่อน เพราะใบเมเปิ้ลแดงรอพวกเราอยู่  อิอิ…

ร้านที่ใครมาเที่ยวอุทยานภูหินร่องกล้า แนะนำให้ทานที่นี่ “ร้านรังทอง”  ร้านขึ้นชื่อ ตั้งอยู่หน้าทางเข้าอุทยานภูหินร่องกล้าพอดีเลย  ใกล้ๆกันมีสวนสนให้ถ่ายรูปเล่นได้ด้วย และเมนูที่ใครมาแล้ว ไม่สั่งถือว่าพลาดที่สุดๆ ก็คือ “ไก่ทอดกรอบรังทอง”  ไก่ทอดที่การันตีว่ากรุบกรอบแบบสุดชีวิตจริงๆ เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ จนอาจารย์นพบอกว่าอร่อยไก่ทอด  KFC  อีก  การันตีความอร่อย พี่คิม ถึงกับต้องสั่งเบิลมาอีกจาน กลายเป็นเมนูที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง ทุกครั้งที่เข้ามาทานช่วงที่มาฝากท้องไว้กับร้านรังทองหลายมื้อ  ก็จะต้องมีเมนู “ไก่ทอดกรอบรังทอง” ทุกมื้อเช่นกัน ฮ่าฮ่าฮ่า…. เพลิดเพลินกับการแทะไก่กันแล้วเราก็ได้เวลาไปออกไปหาใบเมเปิลแดงกันแล้ว เราสามารถชมใบเมเปิลได้หลายโซน ได้แก่ ที่บริเวณที่พักอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า, บริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร และบริเวณป่าเขตวัดป่าภูหินร่องกล้า  แต่ในปีนี้บริเวณที่พักยังไม่มีเค้าว่าจะแดง  ซึ่งทาง eyejung ได้สอบถามเจ้าหน้าที่แล้วว่าโซนไหนแดงแล้วบาง ซึ่งได้รับคำตอบมาว่า ที่โรงเรียนการเมือง และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภรก. 7 (หมันแดง) ซึ่งจุดนี้ต้องเดินป่าประมาณกิโลกว่าๆ เราเลยเลือกไปจุด โรงเรียนการเมือง  เพราะเดินนิดเดียว 555…

โรงเรียนการเมืองทหาร หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ตามร่องรอยประวัติศาสตร์การเมือง เรื่องของคนต่างอุดมการณ์  พื้นที่ป่ารกทึบอันหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การสู้รบของกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง และด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ จึงทำให้ในช่วง พ.ศ. 2511-2525 ที่พรรคคอมมิวนิสต์ได้เป็นบริเวณนี้เป็นฐานที่ตั้งในการวางแผนและพักฟื้นจากการสู้รบ ควบคู่ไปกับการฝึกด้านการทหาร โดยสมาชิก พคท. จะต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกอบรมต่างๆ  ภายในบริเวณโรงเรียนการเมืองทหารมีการสร้างกระท่อมปีกไม้ขึ้นทั้งหมด 31 หลัง แบ่งออกเป็นบ้านพัก-อาคารปฏิบัติการของฝ่ายต่างๆ ได้แก่ บ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายการศึกษา ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร ฝ่ายเสนารักษ์ (สถานพยาบาล) และโรงอาหาร กระท่อมเหล่านี้ปลูกสร้างกระจายตัวอยู่อย่างค่อนข้างเป็นระเบียบภายใต้ร่มเงาของแมกไม้ใหญ่ ส่วนกลางของโรงเรียนการเมืองทหารมีโขดหินก้อนเขื่อง ซึ่งปกคลุมไปด้วยพืชจำพวกมอส  และจุดนี้เอง เป็นจุดที่มีต้นเมเปิลที่กำลังแดง แซมกับใบสีเขียวขจี แค่นี้พวกเราก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นกันแล้ว งานนี้ทุกคนเหมือนกับไปเป็นเด็กอีกครั้งโดยเฉพาะแก็งค์สาวๆ นำทีมด้วยหมอตา ที่พวกเราอยากได้ภาพใบเมเปิลโปรยปรายลงมาเหมือนใน  MV  ในหลาย ๆ เพลง  แต่ความเป็นจริงมันไม่มีแบบนั้น  แต่ไม่เป็นไร  พวกเราเป็นพวกสร้างภาพ  เรื่องแค่นี้สบายมาก อิอิ… ช่วยกันเก็บใบเมเปิลที่ล่วงหล่นมาแล้ว แล้วเอามาโปรยใส่ตัวเอง คร่าวนี้ก็เป็นหน้าที่ของหนุ่มๆ ที่ต้องถ่ายภาพให้ทัน งานนี้พี่คิมพ่อหนุ่มไลก้าต้องพายไป เพราะคาเรคเตอร์กล้องเขาต้องละเมียดละไม กว่าจะหมุนโฟกัสเจอพวกเราก็ทั้งโปรยทั้งโดดกันหอบแฮก 555…

พักการโปรยใบเมเปิล เดินทางจากโรงเรียนการเมือง ไปต่อที่ทุ่งดอกกระดาษ โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า  ไฮไลต์ของการมาเที่ยวคือ การได้ยืนชมวิวตามผาต่างๆ ทั้ง 5 ผา ได้แก่ ผาบอกรัก ผาสลัดรัด ผารักยืนยง ผาคู่รัก และผาไททานิค ซึ่งตั้งอยู่เรียงรายกัน รวมถึงชมทุ่งดอกกระดาษที่จะบานอยู่ริมผา อย่างงดงามในช่วงกลางเดือนมกราคม เรามาต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดอกเลยเหี่ยวแห้ง  แต่ก็ยังคงมีความสวยอยู่ จุดนี้เอาใจพี่คิม สถานที่สวยเหมาะกับการถ่ายภาพ  Portrait  เหมาะกับกล้องไลก้าที่สุด  กล้องที่ถ่ายภาพคนได้ละมุนมาก  นางแบบทริปนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกล  eyejung  นั้นเอง 555  อาสาและเสนอตัวเองเต็มที่  ได้ยินเสียงพี่คิมบอกสวยมาก  ถ่ายอะไรก็สวยไปหมด จะตัวลอยอยู่แหละ  แต่มาหักมุมบอกแสงสวย แป้ววววว แล้วกัน อุตส่าห์ดีใจหน้าบานไปแล้ว  ฮือฮือฮือ…. 

จุดสุดท้ายของวันนี้เป็นลานหินปุ่ม  เป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ตก แต่ตอนทริปปีใหม่เราตั้งใจไปชมทะเลหมอก  แต่มันไม่มีหมอก รอบนี้หวังว่าจะได้แสงเย็นสวยๆ แต่อากาศมันขมุกขมัว ต้องรอลุ้นว่าจะได้แสงเย็นสวยๆ ไหม แล้วด้วยมันเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกผู้คนเลยมหาศาลกว่าตอนปีใหม่ที่เรามา ซึ่งมีเพียงเราอยู่เพียงกลุ่มเดียวตอนปีใหม่ แถมเจอนักศึกษากลุ่มใหญ่มานั่งชมพระอาทิตย์ตกติดขอบเหว บังวิวลานหินปุ่มแบบว่านี่เรามาเที่ยวลานหินปุ่มแต่ไม่เห็นลานหินปุ่ม จนต้องขอร้องให้น้องๆ นั่งแถบเดียวได้ไหม นั่งเล่นนั่งเรียงเป็นหน้ากระดานยาวแบบนี้คนอื่นๆ จะถ่ายภาพยังไง เคลียร์น้องๆ ออกจากพื้นที่ได้แล้ว  คร่าวนี้ก็ต้องมาเคลียร์ อีน้องแพค ของเราที่หามุมวางกล้องบังชาวบ้านเขาไปทั่ว ทริปนี้ eyejung เลยกลายเป็นนางมารร้ายไปเลย  555…ปกติเป็นนางฟ้านะคะ  อิอิ…

จากถ่ายภาพแสงเย็นได้เวลาเดินกลับ ซึ่งครั้งนี้เราจ้างไกด์นำทางเช่นเดิม แม้ทางเดินจะเดินง่ายๆ ที่จ้างคือไกด์ช่วยแบกของให้ eyejung ด้วย 555…. แต่รอบที่แล้วเราได้ไกด์ผู้ชายที่อดีตเคยเป็น ผ.ก.ค. เราเลยได้รับรู้เกร็ดในประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของภูร่องกล้าในช่วงนั้น แต่รอบนี้ได้ไกด์ผู้หญิง ที่ต้องบอกว่าฮามาก คือถามอะไรไกด์ก็บอกไม่รู้ จนถามว่าแล้วมาเป็นไกด์นำทางอย่างไง ได้รับคำตอบ ว่าแค่ให้พาเข้าและนำทางออกไปให้ครบจำนวน 555…ตอบได้ใจจริงๆ พอ  eyejung  เดินนำไกด์ไปก่อนแล้ว ไกด์มีตะโกนมาถามไม่รอไกด์หรอ นี่ไกด์จะฮาไปไหนเนี่ย กลับออกมาแล้วมื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องที่ “ร้านรังทอง”  เช่นเดิม เมนูที่ไม่พลาดสั่ง  คือ “ไก่ทอดกรอบรังทอง” อร่อยจนลืมกลัวโรคเก๊าไปเลย

ที่พักครั้งนี้เราจองแบบค่ายพักที่นอนร่วมกัน 15 ท่าน เลยต้องไปใช้ห้องน้ำข้างนอก เรื่องใหญ่ของเราในวันนี้คือการอาบน้ำ  เพราะห้องน้ำรวมจะไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเหมือนบ้านพัก  น้ำเย็นจนยืนทำใจกันอยู่นาน  อาบน้ำกันเรียบร้อยคืนนี้เราต้องรีบนอน เพราะเรานัดรถนำเที่ยวมารับตอนตีห้า เพื่อขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูลมโล และชมดอกซากุระที่กำลังบาน  แต่น่าจะไม่สะพรั่งเหมือนทุกปี แต่มีคนที่ฟิตมากเห็นดาวบนฟ้าตระกาลตาขนาดนี้ เลยชวนกันไปถ่ายดาว นั่นคือ อ.นพ เจ้าแพค คุณณี พี่สอง ก่อนไปมีเล่าเรื่องเขย่าขวัญจุดที่จะตั้งกล้องถ่ายภาพกันที่ลานหินแตกกันด้วย งานนี้ eyejung ขอบายเลย 555…ไม่ใช่เป็นคนกลัวผีหรืออะไร จากสถานที่ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์การสู่รบขนาดนี้ เราขอนอนเก็บแรงกันดีกว่า แต่ขออวยพรให้ทุกคนโชคดีได้ดาวกันสวยๆ ไม่ต้องเจอเรื่องอะไร ที่ต้องมาเล่าให้พวกเราฟังในตอนเช้านะจ้ะ อิอิ…

ตอนเช้ารถมารับ ณ ที่พัก ที่เราทำเรื่องจองตั้งแต่เมื่อวาน ค่ารถคันละ 1,000  บาท นั่งได้ 10 คน Trip  นี้เราไป  14  คน  เลยจอง 2 คัน  เป็นรถชาวบ้านที่จัดตั้งเป็นชมรมการท่องเที่ยว โดยมีทางอุทยานควบคุมเรื่องคุณภาพ  ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้คนในพื้นที่มีส่วนรวมในชุ่มชน ร่วมพัฒนาแหล่งท่อง และเกิดความห่วงแหนในทรัพยากรธรรมชาติ ฟังเรื่องราวจากคนขับรถนำเที่ยวว่าต้องมาช่วยกันปรับภูมิทัศน์เรื่องแหล่งท่องเที่ยว ช่วยกันบริหารจัดการเรื่องขยะห้องน้ำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานคนไม่พอที่จะดูแล  ฟังเพลินจนถึงจุดแรกคือจุดชมแสงเช้า ต้องบอกว่าผู้คนมหาศาลจริงๆ  แต่ละจุดจะให้เวลาประมา 20-30 นาที เพราะรถนำเที่ยวจะให้เวลาท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 3 ชม. ชมแสงเช้าเสร็จก็จะพาไปแปลงดอกซากุระที่กำลังบานอยู่ ปีนี้ดอกออกน้อยไม่เหมือนกับภาพที่ผ่านมาหลายปี มาจุดที่ 2 แปลงนี้ออกเยอะหน่อย หมอตาบอกให้พวกเราถ่ายภาพหมู่แบบดาวกัน  ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้  แต่ไงเราทำออกมาเหมือนดาวซินโดมล่ะเนี่ย 555…จากแปลงที่สอง  คนขับรถก็พาเรามาจุดสุดท้าย เป็นจุดที่สามารถเข้าห้องน้ำได้ และถ่ายภาพกับป้ายภูลมโล จุดนี้สามารถมองเป็นแปลงทุ่งภูลมโลแปลงใหญ่ ถ้าดอกพญาเสือโคร่งบานทั้งหมด เราจะได้เป็นภูเขาเป็นสีชมพู แต่ปีนี้ไม่บานทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่ eyejung  รู้สึกว่าที่นี่ต่างจากที่อื่น คือฝุ่นเยอะ เราหนีฝุ่น PM 2.5 ที่กรุงเทพฯ แต่มาเจอฝุ่นที่ภูลมโล น่าจะยิ่งกว่า PM 2.5 เพราะรถวิ่งกันตลอดจนฝุ่นตลบ จนคนที่นั่งหลังรถเหมือนไปตกถังแป้งสีส้มมาเลย มันจึงต่างจากทางภาคเหนือ จนดอกพญาเสือโคร่งที่นี่เป็นสีโอรสไปเลย ใครอยากเห็นสีชมพูไปชมที่ภาคเหนือใครอยากเห็นสีโอรสมาชมได้ที่ภูลมโล 555…. คลุกฝุ่นกันมาทั้งตัว ตอนนี้ขอลาไปล้างตัวก่อนนะคะ Bye…eyejung

ติดต่อรถนำเที่ยว ภูลมโล  09-5391-1005