เรื่อง : eyejung, ภาพทีม : CAMERART

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 246/2018 March

หลายคนถามว่า CAMERART ไม่จัดไปถ่ายพลุที่เขาวังเหรอ ตอนแรก eyejung ก็ว่าจะจัด หลายคนรอแล้วรออีกก็ไม่ยอมประกาศสักที่ ด้วยตัว eyejung เอง เมื่อจัดแล้วก็อยากให้เพื่อนๆ ได้ภาพและในมุมที่ดี ปีนี้เลยคิดนานไปหน่อย แต่พอโดนถามก็เลยตกปากรับคำว่าจะจัดให้ 2 รอบ ในรอบวันเปิดงาน และรอบวันปิดงาน ซึ่งได้ที่ปรึกษาที่ดี จากคนพื้นที่อย่าง คุณหนุ่ย อนุชา แถมยังอนุญาตให้ใช้ภาพตัวอย่างตัว รอบแรกวันเปิดงาน ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ณ งานพระนครคีรีเมืองเพชร จะมีพลุขึ้น 2 ชุด รอบ 1 ทุ่มตรง หลังจบขบวนพาเพรด ยิงพลุ 300 นัด และรอบ 21.00 น. อีก 350 นัด ถือว่าคนที่รอคอยการถ่ายพลุมานานหลายปี ไม่พลาดที่จะไปงานพระนครคีรีเมืองเพชร

วันเปิดงานนัดรวมพลที่ออฟฟิศ CAMERART กันเที่ยงตรง อย่างที่รู้กันดีว่ามุมไหนดีๆ เขาจะขึ้นไปจองกันตั้งแต่เที่ยง แค่ครั้งนี้เรากะว่าจะให้ทุกคนถ่ายแบบชิลๆ ไม่ต้องกดดันเรื่องสถานที่ ออกเดินทางสู่จังหวัดเพชรบุรี จุดหมายตั้งกล้องของเราวันนี้ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.4 ทำไมเราถึงเลือกจุดนี้ เพราะมันเป็นจุดที่ง่าย ไม่ต้องรีบไปแย่งจองมุมกับใครเขา และรายล้อมด้วยร้านของกิน เนี่ยแหละจุดที่เราเลือก เดินทางไปถึงเพชรบุรีเพียงบ่ายสองโมงกว่าๆ อาจารย์นพเปิดคอร์สสอนถ่ายพลุฉบับเร่งด่วน ก่อนจะไปนั่งจับจองพื้นที่กันชิลๆ หลบร้อนรอพลุ ระหว่างรอถ่ายพลุ อยู่ๆ ก็มีนักแสดงที่คณะใหญ่ แต่ตัวสวยงามขึ้นมากราบพระรูปรัชกาลที่ 4 แต่ชาว CAMERART อาสาเป็นช่างภาพอีเว้นท์ให้เขาสะงั้น สักพักหันไปอีกที่ น้องเอก และพี่ๆ ก็จับน้องๆ นักแสดงมาเป็นแบบถ่าย Portrait กันเรียบร้อยแล้ว รวดเร็วกันจริง ๆ 

ใกล้เวลาจุดพลุ หาทำเลที่ตั้งปักหลัก ปีนี้อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.4 เซ็ทไฟสปอตไลท์ฉายใส่อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 เลยทำให้ถ่ายมุมที่เคยถ่ายกันไม่ได้ เพราะติดเสาไฟสปอตไลท์ที่รบกวนความสวยงามของภาพเป็นอย่างมาก แต่เราชาวช่างภาพ ก็ต้องท้าทายฝีมือ หามุมตั้งกล้องเพื่อที่จะหลบเสาไฟให้ได้ ช่วงระหว่างรอพลุก็มีการแสดงบนเวทีให้ได้เก็บภาพ ใกล้เวลาพลุชุดแรกขึ้น แต่นั่งรอกันจนทุ่มครึ่งแล้ว แต่พลุยังไม่ขึ้น แต่งานนี้ก็ไม่มีใครกล้าลุกไปไหน พอใกล้สองทุ่มพลุก็จุดรั่วชุดใหญ่ เรียกว่าล้นเฟรมมากขึ้นกลางหัว eyejung เลย 555…ถึงเวลาตั้งสติกระเจิง สรุปเปลี่ยนเลนส์ไม่ทัน ยังดีที่มีให้แก้ตัวอีก 1 ชุด รอบนี้เปลี่ยนเป็นเลนส์ฟิตอายรอ ผลที่ได้เจอพลุเตี้ยทั้งหมด กลายเป็นได้พลุลูกเล็กๆ มา ให้มันได้อย่างนี้สิ ส่วนท่านอื่นได้พลุสวยงาม โดยเฉพาะของ พี่น้องจีรวรรณ ได้ทั้งฉาก และได้ทั้งพลุอลังการมาก ปิดท้ายได้ภาพพลุกลับบ้านยกเว้น eyejung 555.. ไว้กลับมาแก้ตัววันปิด แต่ยังหาที่ตั้งกล้องยังไม่ได้เลย แต่คืนนี้ต้องรีบเดินทางกลับ เพราะวันพรุ่งนี้ eyejung ต้องบินลัดฟ้าไปทำงานที่กัมพูชา

กลับมาจากการไปทำงาน ต่างประเทศ eyejung ก็ไม่รอช้ารีบทำเรื่องเพื่อหาที่ตั้งกล้องมุมสูง ซึ่งได้รับคำแนะนำว่ามุมที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเป็นมุมที่น่าจะสวยงาม งานนี้ได้ทำเรื่องขอทางผู้อำนวยการ โรงพลายบาลพระจอกเกล้า เพื่อขึ้นตึกที่พักพยาบาลอาคารใหม่ ที่ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งาน ท่านจึงอนุญาตให้สามารถขึ้นไปตั้งกล้องบนดาดฟ้าอาคารได้ ปีหน้าคาดว่าน่าจะไม่ได้แล้วเพราะมีเจ้าหน้าที่มาพัก คงต้องคำนึงเรื่องความเป็นส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ เพราะมันเหมือนเป็นการรบกวนผู้ที่พักอาศัย ซึ่งถือว่าปีนี้พวกเราโชคดีมาก เมื่อทราบแล้วว่าเรามีที่ตั้งกล้องเพื่อเก็บภาพพลุเขาวังแล้ว พวกเราเลยชิลๆ แต่ออกเดินทางกันแต่เช้า แวะเที่ยวกันตามที่ต่างๆ ของจังหวัดเพชรบุรีไปด้วย งานนี้ คุณหมอชาญยุทธ บินตรงมาจากจังหวัดขอนแก่น เพื่อเก็บภาพถ่ายพลุเขาวังเป็นหลัก สุดยอดคุณหมอจริงๆ รักในการถ่ายภาพที่สุด จากกรุงเทพฯ วิ่งตรงสู่ร้านข้าวแกงแม่ล้วน ถ้ามาเส้นเพชรบุรี เรียกว่าเป็นร้านประจำที่ไม่แวะไม่ได้ ทานข้าวเสร็จ แวะเที่ยวทุ่งปอเทือง ที่กำลังเป็นที่นิยม อยู่เส้นทางหนองหญ้าป้อง ได้ พี่น้องจีรวรรณ ที่เคยไปมาแล้วส่งพิกัดมาให้ สบายเลย ขับตาม GPS ไปแบบง่ายดาย เริ่มต้นทริปด้วยความสดใสกับวิวดอกปอเทืองสวยๆ แล้วเดินทางกันไปต่อที่ถ้ำเขาหลวง ซึ่งต้องบอกว่า CAMERART ไม่ได้ไปถ้ำเขาหลวงนานพอสมควร

จากถ้ำเขาหลวงมาแวะทานอาหารเที่ยง  และแวะรับ พี่โส กับ คุณชั้ย ที่มานอนรอตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว ชื่ออาหาร เรียกว่าเรียกแขกมาก จนพวกเราบอกมาลองทานร้านนี้แหละ ร้าน “หน้าไม่งอรอไม่นาน” มีเมนูมากมาย แต่พอจะสั่งอาหาร ทำไมมันตรงกันข้ามกับชื่อร้านแบบนี้ล่ะ 555… พนักงานรับออร์เดอร์ อย่างจะกินหัวเรา ดอกแรกที่เจอกันไป สั่งอาหารเสร็จ หลายคนบ่นรอนานมาก และปิดท้ายราคากับปริมาณที่ได้มันแพงเกินไปหน่อย พลาดพลั้งเพราะความอยากรู้ ทานอาหารเสร็จแล้ว ข้างๆ ร้านมีร้านลอดช่องน่าทาน แต่สั่งมาทานที่ร้านอาหารไม่ได้นะ ขึ้นป้ายชัดเจนห้ามนำลอดช่องมาทานในร้าน แหม่มันจะอะไรขนาดนั้น

ทานของหวานกันเรียบร้อย วันนี้เรามีโปรแกรมงอก จากคำแนะนำของ คุณตาล ว่าวันนี้มีประเพณีแข่งวัวลาน เทียมเกวียน ที่บ้านลาด เสนอ eyejung มาแบบนี้ไม่จัดให้ได้ไง เราเลยเดินทางไปอำเภอบ้านลาดกันต่อ แต่วัวเทียมเกวียนจะเริ่มบ่ายสาม เวลายังเหลือ หาร้านกาแฟนั่ง แล้วติวเรื่องการถ่ายพลุกันก่อน แล้วตบท้ายด้วยการสอนถ่ายภาพ Action ภาพวิ่งวัวเทียมเกวียน เจอร้านกาแฟเลยลานกิจกรรมวิ่งวัวมาหน่อย คณะ CAMERART ก็ทำการปิดร้านเขาเลย eyejung รับอาสาเป็นพนักงานเสริฟ และคุณตาลรับหน้าที่เก็บตังค์ จนหลายคนแซวว่าได้ค่าคอมมิชชั่นอะไรหรือเปล่านี้ร้านนี้บริการดีมาก 555… ก็ค่าแรงเป็นกาแฟคนละแก้วเอง อิอิ… ได้กาแฟครบ ถึงเวลาไปลานกิจกรรมแข่งวัวเทียมเกวียน หนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่ปีนี้ย้ายพื้นที่มาจัดเลยโรงเรียนบ้านลาดมานิดหนึ่ง ไปถึงผู้ประกาศบอกว่าจะเลื่อนเวลาแข่งวัวเทียมเกวียนออกไปเป็นช่วง 5 โมงเย็น เรียกว่าเวลาฉิวเฉียดที่เรานัดให้ขึ้นรถ จนต้องขอร้องทีมงานเร็วขึ้นนิดหนึ่งได้ไหม ทีมงานก็ใจดีจัดให้ และเป็นครั้งแรกของการถ่ายภาพวัวเทียมเกวียน ต้องบอกว่าค่อนข้างยากมาก เพราะระยะแพนน้อยกว่าวิ่งควาย สนามแคบกว่า จากที่บอกว่าจะถ่ายภาพแพนให้เหมือนดูเป็นภาพเคลื่อนไหว มันดันกลายเป็นแพนทั้งภาพ และหาความชัดไปเจอไม่สะงั้น และ จัดในช่วงเย็นเกินไป แสงน้อย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ถ่ายค่อนข้างยาก ไว้มีโอกาสจะพาทุกท่านกลับไปแก้มือ ถ่ายได้เพียง 2 คู่ก็ต้องเดินทางกลับมายังที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า

ทริปนี้เราชิลกันมาก เพราะรู้ว่าไม่ต้องแย่งที่กับใครเขา เลยมาเข้าจุดตอนทุ่มกว่าๆ เจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวก และพาขึ้นไปดูแลพวกเราอย่างดี ขึ้นไปถึงเล็งมุมตั้งกล้องกะระยะช่วงเลนส์ อาจารย์นพเดินเช็คทุกคนว่าใครตั้งกล้องยังไม่ได้บ้าง รอเวลาพลุขึ้น ซึ่ง คุณชั้ย นับเวลาถอยหลัง 3 ทุ่มปุ๊บพลุ จุดอลังการมากมุมที่ถ่ายถือว่าดีมาก เห็นพลุกันเต็มๆ ตา ไม่ถึง 10 นาทีพลุ 300 นัด ก็หมด ได้พลุงามๆ กลับบ้านไปให้ชื้นชม เป็นการปิดท้ายทริปที่สวยงาม กับอีกประสบการณ์การถ่ายพลุ ที่ทำให้เราเรียนรู้ว่าทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ขอบคุณสถานที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า Bye…eyejung