เรื่อง+ภาพ : PinPon

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 261/2019 June

ในสมัยก่อน มักจะมีคำพูดเล่นๆ ของช่างภาพ และผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปทั่วๆ ไป ว่า ในตลาดกล้องถ่ายภาพ น่าจะมีเลนส์ที่ครอบจักรวาล ตั้งแต่ 24-500 mm. มาให้ใช้กันนะ แต่ก็ได้แต่พูดเล่นกันเพราะก็คงเป็นไปไม่ได้ ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของการผลิต และเรื่องของราคา รวมถึงการตลาดต่างๆ อีกมากมายของค่ายกล้องถ่ายรูป ผ่านมาไม่กี่ปี คงจะด้วยเทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เงื่อนไขหลายๆ อย่างถูกปลดล๊อค จึงทำให้มีเลนส์ที่มีช่วงที่กว้างครอบคลุมช่วงทางยาวได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น 24-200 mm. ของ Olympus ที่ออกมาเมื่อหลายปีก่อน ในวันนี้เป็นการพัฒนาต่อยอด ในทุกๆ ด้านของประสิทธิภาพและช่วงเลนส์ ที่ทาง Olympus ได้พัฒนามาเป็นเลนส์ที่ครอบคลุม ระยะการถ่ายภาพ ที่ 24-400 mm. โดยมีทางยาวโฟกัสเทียบกับกล้องฟิล์ม 35 mm. ในขนาดขนาดที่เล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา ง่ายต่อการพกพา ให้ประสิทธิภาพที่ดี ในชื่อของ M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. F3.5-5.6 ในระบบ Micro Four Thirds หรือ M4 : 3 ซึ่งใช้อยู่ในกล้อง OLYMPUS

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. F3.5-5.6 เป็นเลนส์ที่มีความสามารถในการซูมได้ถึง 16.6X โดยครอบคลุมระยะทางยาว โฟกัสในมุมกว้าง ตั้งแต่ 24 mm. จนถึงระยะ Telephoto 400 mm. (ทางยาวโฟกัสเทียบเท่ากับกล้องฟิล์ม 35 mm.) หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไม เลนส์ 12-200 mm. ถึงกลายเป็นช่วงเลนส์ 24-400 mm. ไปได้ เพราะว่าเจ้าเลนส์ตัวนี้ เป็นเลนส์ของระบบกล้อง ไมโคร โฟร์เติร์ท [Micro Four Thirds] หรือเรียกกันว่า M4:3 ที่ใช้กันอยู่ในกล้อง OLYMPUS ทางยาวโฟกัสเมื่อเทียบกับกล้องฟิล์ม 35 mm. จะต้องคูณสอง ทำให้เลนส์ 12-200 mm. จะเท่ากับเลนส์ช่วง 24-400 mm. เมื่อเทียบกับกล้องฟูลเฟรมทั่วๆ ไป

Features เด่น

  • เป็นเลนส์ที่มีอัตราการขยายภาพสูง กำลังซูมสูงถึง 16.6X
  • มีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา ง่ายต่อการพกพาไปทุกที่
  • โครงสร้างป้องกันละอองน้ำ และฝุ่นละอองในระดับเลนส์เกรดโปร
  • ระบบกันสั่นที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม และทำงานผสานกับระบบกันสั่นภายในบอดี้
  • การออกแบบชิ้นเลนส์ใหม่ให้ประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น
  • ถ่ายภาพในระยะใกล้ได้ใกล้มากขึ้น จนแทบติดตัวแบบ

ด้วยขนาดช่วงซูมที่กว้างครอบคลุมมาก ตลอดเวลาที่ผมใช้ทดสอบการใช้งาน แทบจะไม่มีซีนภาพไหนเลยที่จะรอดพ้นเจ้าเลนส์ตัวนี้ไปได้เลยครับ สำหรับระยะที่เริ่มตั้งแต่มุมกว้างที่ 24 mm. นั้น เป็นช่วงที่นิยมกันมากของเลนส์นอมอลทั่วไป เช่น 24-70 mm. หรือ 24-105 mm. ใช้ถ่ายภาพได้ตั้งแต่ระยะสายตาคนปกติ จนออกวายนิดๆ เช่นภาพ วิว ทิวทัศน์ ทั่วไป ภาพสถาปัตยกรรม วัดวาอาราม โบสถ์วิหาร ภาพคนเต็มตัวแบบติดวิว การเก็บบรรยากาศทั่วๆ ไป โดยช่วงเริ่มต้นจะให้รูรับแสง หรือเอฟสตอปที่กว้างสุด ที่ F3.5 และเมื่อเริ่มบิดซูม เอฟสตอปก็จะเริ่มขยับขึ้นในทันที โดยที่ซูมสุดที่ 400 mm. ค่ารูรับแสง หรือ เอฟสตอปกว้างที่สุดจะอยู่ที่ F6.3 ส่วนค่ารูปรับแสงแคบที่สุดทำได้ถึง  F22  หน้าเลนส์มีขนาด 72 mm. หาฟิลเตอร์ใส่ได้ไม่ยากเย็น ในการถ่ายภาพ เลนส์รองรับการถ่ายภาพได้คลอบคลุมและหลากหลายมุมมองในเลนส์ตัวเดียว เช่น การถ่ายภาพวัด เราสามารถถ่ายภาพวัด โบสถ์ หรือวิหารในช่วงวายคือ เห็นภาพโบสถ์ทั้งหลัง ในขณะที่เรายืนอยู่จุดเดียวกันสามารถที่จะซูมไปถ่ายนกที่เกาะอยู่บนช่อฟ้าของโบสถ์นั้นได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ หรือต้องครอปภาพให้เสียรายละเอียด หรือในการถ่ายภาพงานอีเวนท์ต่างๆ ก็สามารถถ่ายภาพบรรยากาศทั่วๆ ไปตลอดจนภาพเจาะรายบุคคลเพื่อเก็บอารมณ์ของแต่ละบุคคล ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเลนส์ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ภาพในแบบต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : ภาพถ่ายที่ระยะ 24 มม.

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : ภาพถ่ายที่ระยะ 50 มม.

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : ภาพถ่ายที่ระยะ 70 มม.

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : ภาพถ่ายที่ระยะ 400 มม.

ถึงแม้ว่าจะเป็นเลนส์ที่ครอบจักรวาลขนาดนี้ถ้าเทียบคงต้องมีเลนส์ซักสามถึงสี่ตัว แต่ขนาดและน้ำหนักนั้นไม่ได้ใหญ่และหนักไปตามคุณภาพเลยครับ ตัวเลนส์กลับมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดมากๆ มีน้ำหนักที่เบา ประมาณ 455 กรัมเท่านั้น ทำให้สะดวกและง่ายมากต่อการพกพา สามารถใส่กระเป๋ากล้องขนาดเล็กได้ หรือใช้เป็นเลนส์ติดกล้อง ใช้ได้ตลอดทริป โดยไม่เป็นภาระต่อการใช้งาน การจับถือ กระชับมือ ขนาดกำลังดี วัสดุที่ใช้ ให้ผิวสัมผัสที่แข็งแรง ไม่ลื่นหลุดง่าย วงแหวนซูม หนืด ไม่ลื่นไหลง่าย แต่ก็บิดใช้งานได้อย่างคล่องตัว ระบบโฟกัสที่ถูกติดตั้งอยู่ภายในเลนส์ เป็นแบบ High-Speed AF [MSC] มีความรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง มี Time Lag ที่ลดลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพ ในทุกสถานการณ์ ทำงานร่วมกับกล้อง Olympus ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ทั้งระบบ โฟกัสเดี่ยว ระบบโฟกัสแบบติดตาม โฟกัสติดตามใบหน้า โฟกัสตา ทุกๆ โหมดทำงานได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ตามติดตัวแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองการทำงานของกล้องทุกระดับจนถึงกล้องระดับโปร

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. F3.5-5.6 ได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยรูปแบบที่กะทัดรัด และมีประสิทธิภาพในการแสดงภาพถ่ายได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดช่วงซูม ประกอบขึ้นด้วยเลนส์ 1.เลนส์ Super ED [Super Extra-low Dispersion], 2.เลนส์ ED [Extra-low Dispersion], 3.เลนส์ Super HR [Super High Refractive Index Lens], 4.เลนส์ HR [High Refractive Index Lens], 5.เลนส์ Aspherical, 6.เลนส์ Focus driving โดยเลนส์ Super ED 2 ชิ้น และเลนส์ ED 2 ชิ้นถูกใช้เพื่อลดความคลาดเคลื่อนของสีซึ่งเกิดขึ้นตลอดช่วงซูม นอกจากนี้ยังมีเลนส์ Aspherical จำนวน 3 ชิ้นถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ช่วยลดหรือกำกัดความคลาดเคลื่อนทรงกลมอันเนื่องจากการซูม และ Zero Coating ช่วยลดหรือป้องกันการเกิดแสงฟุ้ง [Ghosts] และแสงแฟร์ [Flares] ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คอนทราสต์ลดลง เพื่อแสดงโทนสีที่อิ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมแสงจากภายนอกที่ตกกระทบ ทำให้มีประสิทธิภาพในการแสดงภาพได้อย่างคมชัดตั้งแต่กลางภาพไปจนถึงขอบภาพและให้ภาพที่สว่างใสทั่วทั้งเฟรม ส่วนคุณภาพนั้นถือว่าดีมากใช้งานร่วมกับโปรแกรมที่มีโปรไฟล์เลนส์ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ก็จะให้คุณภาพสูงมากยิ่งขึ้น

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm : 24 mm. : 1/60sec : F16 : ISO 400

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 300 mm. : 1/2sec : F8 : ISO 200

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. 125 mm. : 1/640sec : F8 : ISO 200

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200mm : 400mm : 1/400sec : F8 : ISO200

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 180 mm. : 1/200sec : F8 : ISO 500

ตัวเลนส์ M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. F3.5-5.6 ถูกปกป้องด้วยโครงสร้างที่ป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง แบบเดียวกันกับที่ถูกติดตั้งอยู่ในเลนส์ซีรี่ส์ Pro ของ M.Zuiko ช่วยให้นักถ่ายภาพสามารถที่จะนำเลนส์ไปใช้งานได้ทุกสภาพภูมิอากาศและทุกสภาพภูมิประเทศ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับกล้องในระดับโปร ของ Olympus ที่มีระบบป้องกันน้ำและฝุ่นแบบเดียวกันแล้ว สบายใจหายห่วงได้เลยครับ ว่าทุกสถานการณ์ถ่ายภาพ ได้ภาพสวยถูกใจแน่นอน

อีกจุดหนึ่งที่เลนส์ตัวนี้ทำได้อย่างน่าทึ่ง คือ ระยะโฟกัสของเลนส์ที่ใกล้มาก โดยที่ตามสเปคแล้ว อยู่ที่ 10 cm. สำหรับองศารับภาพในมุมกว้าง แต่ตามที่ใช้งานจริง ผมลองนำเลนส์ขยับใกล้เข้าแบบเรื่อยๆ จนขอบของเลนส์นั้นแตะกับแบบ ก็ยังโฟกัสได้นะครับโดยมีการคอนเฟิร์มโฟกัสได้แบบปกติ ตรงนี้ช่วยให้เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานถ่ายภาพระยะใกล้ หรือถ่ายภาพมาโคร ได้เป็นอย่างดี รวมถึง การสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้ละลายฉากหลังได้มาขึ้นจากการเข้าใกล้แบบได้มากขึ้นอีกด้วย

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 400 mm. : 1/2000sec : F6.3 : ISO 1600

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 400 mm. : 1/2000sec : F6.3 : ISO 2500

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 400 mm. : 1/1250sec : F8 : ISO 200

เลนส์ M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. F3.5-5.6 เปิดตัวมาในราคา 3 หมื่นต้นๆ ถือว่าไม่แพงเลยครับ กับเลนส์เกรดโปร ที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกสถานการณ์การถ่ายภาพ คลอบคลุมทุกช่วงเลนส์ ใช้เป็นเลนส์ติดกล้องได้เป็นอย่างดี มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับเดินทางท่องเที่ยว ช่วยลดภาระในการที่จะต้องนำเลนส์ติดไปหลายๆ ตัว สะดวกสบาย สำหรับช่างภาพทั้งมือสมัครเล่นและช่างภาพมืออาชีพถ้าจะให้นิยามของเลนส์ตัวนี้ คงต้องเรียกว่า M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. F3.5-5.6 “เลนส์ตัวเดียว เที่ยวทั่วจักรวาล”

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 80 mm. : 1/1000sec : F8 : ISO 200

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : e-protrait mode 160 mm. : 1/200sec : F6.3 : ISO 6400

M.ZUIKO DIGITAL ED 12-200 mm. : 188 mm. : 1/20sec : F6.2 : ISO 3200