เรื่อง+ภาพ : eyejung

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 261/2019 June

เมื่อไหร่ที่คุณท้อให้ออกเดินทาง นี่เป็นคำพูดที่เป็นคำคมที่มีคนเคยกล่าวไว้ การท่องเที่ยวเป็นการเติมเต็มความสุขทางจิตใจ  เพราะคนที่ไม่เดินทางท่องเที่ยว…ก็จะไม่รู้คุณค่าของชีวิต ด้วยความหลากหลายของอารมณ์บวกกับสภาพวะที่พบเจอในปัจจุบัน นั่งสไลด์หน้าจอ Facebook ไปเรื่อยเปื่อย ก็มาสะดุดตากับรีวิวท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเสม็ดนางชี สถานที่ท่องเที่ยวในฝัน ว่าแล้วสามสาวก็วางแผนกันว่าเราจะหอบชีวิตพังๆ ในช่วงนี้ไปทิ้งที่พังงานี้แหละ

เริ่มแรกกับการจองตั๋วเครื่องบินที่เช็คมาแล้วถูกสุด และ Timing ของเวลาที่ได้คือของสายการบิน Nok Air ราคาเที่ยวละพันกว่าบาท ไปกลับไม่เกิน 2,500 บาท ด้วยจุดหมายปลายทางเราคือจังหวัดพังงา แต่พังงายังไม่มีสนามบิน เราจึงต้องไปลงที่สนามบินภูเก็ต ทริปนี้เป็นทริปสไตล์สาวๆ ไปเที่ยวกันแบบชิลๆ เราเลยจะเช่ารถขับเที่ยวกันเอง ในเส้นทางที่ง่ายๆ แต่เป็นไฮไลท์ที่ต้องแวะเช็คอินท์ ถึงสนามบินภูเก็ต ก็รับรถ ตรวจสอบความเรียบร้อย พร้อมแล้วที่จะ Let’s go จุดแรกคือการเติมพลัง มาเมืองภูเก็ตทั้งทีก็ต้องกินอาหารเช้าแบบฉบับคนภูเก็ต สไตล์ติ่มซำ กับร้าน “ซุปเปอร์ติ่มซำ” หาง่ายร้านอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน เปิดขายตั้งแต่ 06.00 -11.00 น. แต่แนะนำว่าต้องรีบมา เพราะว่าขนาดวันที่แก็งค์เราไปแค่ 8.00 โมงเช้า ของก็เริ่มไม่มีแล้ว เพราะร้านนี้ทัวร์ลงค่อนข้างเยอะ บะหมี่หมูแดงเส้นทำเองอร่อยมาก กินกับซุปร้อนๆ บะกุ๊ดเต๋ เข้ากันที่สุด

เติมพลังตอนเช้าไปแล้ว โปรแกรมเช็คอินจุดแรกของเราคือ หาดไม้ขาว กับการถ่ายภาพกับเครื่องบินขึ้นลงที่หาดไม้ขาว ที่ถือได้ว่าเป็น Unseen การเดินทาง และหาไม่ยาก ทางเข้าอยู่ตรงกับวัดไม้ขาวเลยสนามบินมานิดหนึ่ง ง่ายสุดเปิด GPS มา ขับรถตามป้ายมาเรื่อยๆ ก็จะเจอลานจอดรถ เสร็จแล้วก็นำรถไปจอด แล้วต่อด้วยมอร์เตอร์ไซด์พ่วงข้างอีกคนละ 20 บาท แค่นี้เราก็จะเจอหาดไม้ขาวที่มีคนมารอถ่ายภาพกับเครื่องบินเยอะมาก แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ภาพเครื่องบิน บินเข้าสนามบิน เลยไม่มีภาพเครื่องบินใหญ่ๆ เหมือนคนอื่นเขา และด้วยสภาพแสงใกล้เที่ยงแบบนี้ ทำให้เราถอดใจ ไปตามหาที่เช็คอินใหม่กันต่อไปดีกว่า กับบรรยากาศชิลๆ กันที่ Tree Cups Phangnga Coffee ทรีคัพ คอฟฟี่ ร้านกาแฟบนต้นไม้ที่กำลังมาแรงของจังหวัดพังงา การเดินทางก็ไม่ยากเปิด GPS นำทางไปได้เลย แต่พอเลี้ยวเข้ามาอาจจะงงๆ ว่ามันมีร้านกาแฟอยู่ที่นี่จริงๆ หรือ เหมือนเดินทางเข้าสู่ดินแดนจูราสสิคปาร์ค ฝ่าสวนปาล์มเข้ามา เราก็จะเจอร้านกาแฟทรีคัพ คอฟฟี่ ตั้งอยู่บนต้นตะเคียนขนาดใหญ่ อายุกว่า 300 ปี สามารถชมวิวของอ่าวพังงาที่มองได้แบบ 180 องศา ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ นั่งได้ประมาณ 10 กว่าท่าน ร้านเปิด 11.00 น.-17.00 น. นอกจากจะมีเมนูเครื่องดื่มแล้วที่นี่ยังมีเมนูทานเล่น อย่างขนมปังกระเทียม ที่นุ่มอร่อยมาก หรือเฟรนฟายทอด ที่กินแบบเต็มคำ อาหารจานเดียวก็มีเป็นพวกสปาเก็ตตี้ มีไม่กี่เมนูให้เลือกทานมื้อเที่ยงของทริปนี้เราจึงฝากท้องไว้กับ Tree Cups Phangnga Coffee กับการนั่งทานอาหารจิบกาแฟชมวิว ในบรรยากาศสุดผ่อนคลาย แถมมีมุมชิคๆ ในร้านให้ได้เก็บภาพกลายเป็นจุดที่หลายคนอยากมาปักหมุดเช็คอินกันที่นี่

จาก Tree Cups Phangnga Coffee  เรามุ่งหน้ากันต่อกับสถานที่ที่เราตั้งใจมาที่สุดของทริปนี้ นั่นคือแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่มาแรงสุดใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา เห็นภาพสวยๆ จากนักถ่ายภาพหลายคนที่นิยมไปล่าทางช้างเผือกแล้วกระตุ้นความอยาก ว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องขอไปเสม็ดนางชี เมื่อมีโอกาสเราเลยไม่รอช้า วางแผนจองที่พัก ที่ครั้งนี้เราเลือกเสม็ดนางชีบูทีค พักแบบเต็นท์ราคาสองคนอยู่ที่ 850 บาท ต่อเต็นท์ และเต็นท์แบบ 4 คน อยู่ที่ 1,200 บาท รวมอาหารเช้า แต่ถ้าอยากได้ตำแหน่งพิเศษต้องจ่ายเพิ่มตำแหน่งที่ต้องการอีกตำแหน่งละ 500 บาท ครั้งนี้เราเลือกนอน แบบเต็นท์ 2 คน 1 เต็นท์ และเต็นท์แบบ 4 คน ที่เลือกนอนสองคนน่าจะไม่อึดอัด แต่แบบห้องพักก็มีนะ ราคาเริมต้นที่ 3,990 บาท-5,900 บาท ต่อ/ห้อง สำหรับ 2 ท่าน จองไม่ทันเต็มเร็วมาก แม้จะนอนเต็นท์ก็ไม่ลำบาก ทำไมเราเลือกที่นี่ เหตุผลหลักคือสถานที่สวย ตื่นมาก็เห็นความสวยงามเลย เพราะเสม็ดนางชีได้ชื่อว่าเป็น จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยสุดของทะเลอันดามันอีกหนึ่งจุด แนะนำว่าขึ้นมาบ่ายๆ หน่อยจะได้ไม่ร้อน ที่พักเราขอร้องไม่ให้นำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมา เพราะพื้นที่อยู่ในเขตของผู้นับถือศาสนาอิสราม ทางพื้นที่กลัวจะนำอาหารที่ผิดตามหลักศาสนาขึ้นมาบริเวณที่พัก แต่จริงๆ แล้วที่พักมีร้านอาหาร และเครื่องดื่มไว้บริการ คือไปแล้วไม่ต้องกลัวลำบากเครื่องดื่มอาหารการกิน แต่อาจจะราคาสูงกว่าปกตินิดน้อย

ด้วยความที่เสม็ดนางชีเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของธรรมชาติที่ช่างรังสรรค์  เลยทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนหลากหลายมาลงทุนในพื้นที่ และกำลังสร้างที่พักจำนวนมากมาย แดดร่มลมตก แม้จะไม่เห็นพระ-อาทิตย์ตก เพราะที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่นักท่องเที่ยวก็ออกมาถ่ายภาพกับวิวสวยๆ เบื้องหน้า ช่วงฟ้าเปลี่ยนสี คืนนี้เรานั่งสังสรรค์กันยาวไป กะว่าจะรอถ่ายดาว แต่ก็ต้องอด เพราะแสงไฟแต่ละรีสอร์ท รบกวนแสงดาว แถมยุงเยอะมาก ใครอยากถ่ายภาพดาว ต้องเตรียมเครื่องป้องกันยุงไปด้วย ดุจริงๆ ยุงที่นี่

แสงดาวไม่ได้ เราตื่นแต่เช้ามืด เพื่อมารอแสงเช้า และจองทำเลที่นั่งดีๆ เพื่อชื่นชมแสงเช้า และทานอาหารเช้ากับวิวที่อยู่เบื้องหน้ามันเป็นโมเม้นท์ที่ที่ลืมทุกอย่างของชีวิตพังๆ ของเราไปเลย เพราะเราจะเต็มอิ่มกับความสวยงามที่อยู่เบื้องหน้า เหมือนต้องมนต์สะกดกับเสม็ดนางชี แต่ที่สำคัญคือต้องไปให้ถูกกับช่วงเวลาด้วย

จากเสม็ดนางชี คืนที่สองเราขอเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่กำลังมาแรง แถมห่างจากเสม็ดนางชีเพียง 2.5 กิโลเมตร นั่นคือท่าเรือหินร่ม หมู่บ้านประมงท่าเรือหินร่ม ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหมู่บ้านประมง แต่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในอ่าวพังงา ครูสงัดผู้บุกเบิก รวบรวมกลุ่มคนในชุมชน จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหินร่ม จัดทำที่พักแบบ โฮมสเตย์ ร้านอาหาร เรือนำเที่ยว นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในท่าเรือหินร่มจะได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอันเรียบง่าย

ท่าเรือบ้านหินร่ม ถือว่าเป็นท่าเรือที่สวยมากๆ แห่งหนึ่ง เพราะมีวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ วิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน คืนนี้เราเลยเลือกมานอนที่นี่ แต่โปรแกรมวันนี้พวกเรา ยังสามารถไปเกาะต่างๆ ภายในอ่าวพังงาได้ อาทิเช่น เกาะตาปู ถ้ำลอดเกาะปันหยี เกาะสะอัง ถ้ำลอด เขาพิงกัน เขาตะปู เป็นต้น ค่าเหมาเรือตั้งแต่ 1,000-3,500 นั่งได้ 5-10 คน โปรแกรมเราจัดเองได้ ว่าอยากไปไหนบ้าง เราเลือกไปเกาะปันหยีอัศจรรย์วิถีชีวิตหมู่บ้านกลางทะเล เพราะอยากไปเห็น ไฮไลท์สำคัญของเกาะปันหยี นั่นคือ สนามฟุตบอลลอยน้ำ แห่งเดียวในประเทศไทย ที่กลายเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะปันหยีที่โด่งดังไปทั่วโลก และ แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ เกาะปันหยี ตกลงราคาอยู่ที่ 2,500 บาท ไปกันอยู่ 3 คน นั่งเรือชื่นชมอ่าวพังงาไม่นานเราก็มาถึงเกาะปันหยี ก็เจอสนามฟุตบอลลอยน้ำ ที่ตอนนี้เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา จากท่าเรือเดินขึ้นมาก็จะเจอ มัสยิดเกาะปันหยีดารุสสลาม ศาสนสถานที่เปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวเกาะปันหยี ตัวอาคารมัสยิดเป็นอาคารสูงสองชั้น มองเห็นโดมสีทองเด่นตระหง่านแต่ไกล เราแวะถ่ายภาพแล้วเดินตามลูกศรบอกทางที่วาดบนพื้นถนน เป็นอีกหนึ่ง Gimmick น่ารักที่ให้นักท่องเที่ยวได้เดินตามเหมือนเดินตามลายแทงสมบัติ แต่พวกเราเดินตามหาร้านอาหาร  แต่ระหว่างทางเราก็จะเจอ ร้านขายของที่ระลึก และร้านน้ำพริกกุ้งเสียบ ที่มีอยู่มากมายหลายร้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เกาะปันหยี ยังคงยึดการทำประมงพื้นบ้านเป็นอาชีพหลัก สังเกตได้จากกระชังเลี้ยงปลาที่อยู่รอบๆ เกาะ รวมถึงร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหารได้ที่นี่ แต่ราคาแอบแพงไปนิดหนึ่ง นั่งเรือชมเกาะแก่งต่างๆ ในอ่าวพังงาจนบ่ายคล้อยเราก็เดินทางกลับสู่ท่าเรือบ้านหินร่ม อาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปเที่ยวต่อกันที่อ่าวโต๊ะหลี

“จุดชมวิวอ่าวโต๊ะหลี” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดพังงา ที่สามารถมองวิวได้แบบ 360 องศา จุดเด่นคือ หิน 3 ก้อนที่บังเอิญเรียงตัวสลับกันเหมือนมีคนไปวางไว้ ลักษณะคล้ายกับวิวภูเขาหินที่อยู่ในท้องทะเลซึ่งเป็นฉากหลังของก้อนหิน 3 ก้อน จุดนี้เราสามารถมาดูพระอาทิตย์ขึ้น และหมอกยามเช้า กลางคืนมีทางช้างเผือก ชมความสวยงามของดาวบนท้องฟ้า มีบ้านพักแบบ กระท่อม อยู่ประมาณ 3 หลัง แต่มีเต็นท์บริการ หรือใครจะเอาเต็นท์มากางเองก็ได้  แต่สำหรับพวกเราไม่ได้ขึ้นมาพัก เลยมาเที่ยวชมวิวกันก่อน ถือเป็นการสำรวจเส้นทาง ซึ่งถนนค่อนข้างโอเค ลาดชันพอสมควร คนที่ขับรถคล่องถือว่าง่ายๆ แต่พวกเราที่ไม่ชำนาญทางถือว่ายากอยู่ ขึ้นมาถึงจ่ายค่าบำรุงสถานที่คนละ 50 บาท ชาวบ้านเป็นดูแล คนบุกเบิกที่นี่คนแรกชื่อหลีเป็นชาวมุสลิม โต๊ะเป็นภาษาอิสลาม แปลว่า ปู่หรือตา จึงตั้งชื่อจุดนี้ว่า ”จุดชมวิวโต๊ะหลี” ที่นี่ มีห้องน้ำ มีอาหารขาย ใครสนใจไปเที่ยวสามารถโทรสอบถาม ผู้ใหญ่นพดล 0895910569, 0872843332 หรืออยากจองที่พัก เช่าเต็นท์, กระท่อม, รถรับ-ส่ง ติดต่อ บังศักดิ์ 0878932822, 0822812705 พวกเราเดินเที่ยวเล่นถ่ายภาพมุมของอ่าวโต๊ะหลี ค่อนข้างเปิดกว่ามุมที่เสม็ดนางชี เห็นวิวได้กว้างกว่า ถ้าได้มาเก็บภาพแสงเช้าที่นี่ คงสวยอลังการมากที่เดียวไว้มีโอกาสคงได้มาค้างคืนนอนดูดาวที่นี่บ้างแต่พวกเราต้องรีบลง เพราะว่ากลัวมืด ไม่ชำนาญทาง

กลับมาที่ชุมชนบ้านหินร่ม มาทะเลทั้งที่ก็ต้องจัดอาหารทะเลกันมื้อใหญ่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหินร่มจัดทำร้านอาหาร อาหารทะเลสดๆ ในราคามิตรภาพ ทานไปชมวิวของบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะกับการมาพักผ่อน แต่พอฟ้าเริ่มมืดยุงก็เริ่มมา เพราะที่นี่แวดล้อมด้วยป่าโกงกาง เป็นที่อยู่ของยุงด้วยเหมือนกัน จนต้องหนีเข้าที่พัก กะว่าตอนเช้าจะออกมาเก็บแสงเช้าใหม่อีกครั้ง 

เช้าวันสุดท้ายที่เราอยู่ที่พังงา ตื่นแต่เช้าออกมาถ่ายภาพแสงเช้า กับชาวประมงพื้นบ้านที่ออกเรือ ไม่ไกลจากชายฝัง หาสัตว์น้ำจําพวกกุ้ง หอย ปู ปลา ในทะเล รายได้ที่ไม่แน่นอน พอกินพอใช้ แต่ก็เป็นภาพที่แฝงไปด้วยความสวยงามของการดำเนินชีวิต ที่เป็นอยู่อย่างเรียบง่ายและมีความสุข ซึ่งต่างจากสังคมเมืองที่วุ่นวายในปัจจุบันนี้ การพาตัวเองออกมาจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ เห็นสิ่งใหม่ๆ ที่เคยเจอทุกวันมันทำให้เรารู้สึกสงบขึ้น ทริปนี้ทำให้เราลืมเรื่องพังๆ ของชีวิต แล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่ 

สำหรับใครอยากไปเที่ยวบ้านท่าเรือหินร่ม สนใจติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหินร่ม โทร. 098-926-6851, 098-725-3044, 080-707-0416