เรื่อง : นพดล
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 245/2018 February
กว่าที่จะก่อกำเนิดกล้อง Leica ก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ จนกระทั่งถึงระหว่างปี ค.ศ. 1923-1924 เมื่อ เอิร์นสท์ ไลทซ์ (เพื่อให้อ่านง่ายเข้า ผมขอสะกดตัวชื่อนี้ใหม่ดังนี้ครับ เอิร์น ไลทซ์) ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ เมื่อมีการวางแผนการการผลิตกล้องอย่างจริงจัง แม้ว่าเสียงทัดทานจะปรากฏมีอยู่ ด้วยเหตุผลสำคัญก็คือ ประการที่ 1 ยอดขายของกล้องประเภท Plate ลดลง ประการที่ 2 ก็คือ ชื่อเสียงของการผลิตกล้องถ่ายภาพของ ไลทซ์ นั้นน้อยกว่าของ ZEISS ในขณะนั้น ประการที่ 3 คุณภาพของรูปที่ได้ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าคู่แข่ง อาทิเช่น Kodak ซึ่งใช้ขนาดฟิล์มที่ใหญ่กว่า ประการที่ 4 การบรรจุฟิล์มยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และประการที่ 5 ประการสุดท้าย Leica ไม่ได้เป็นต้นตำรับการผลิตกล้องที่จะใช้ฟิล์ม 35 มม. เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็มีผู้อื่นคิดค้นกรรมวิธีนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จคุณภาพของภาพถ่ายยังไม่น่าพอใจเท่า Leica
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1924 ถือได้ว่า Leica ได้เริ่มให้กำเนิดและเปิดตลาดกล้อง 35 มม. อย่างเป็นทางการ และในปี 1925 Leica 1 ก็ได้รับการแนะนำเข้าตลาดในงาน Leipzig Spring Fair ณ. เมืองไลซิก
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_01.jpg)
กล้อง Leica I ยุคต้นๆ ติดเลนส์ Elmax 50 มม. f3.5
กล้อง Leica 1 ที่ออกสู่ตลาดในรุ่นแรกนี้ ไม่ปรากฏว่ามีชื่ออยู่บนตัวกล้อง นอกจากจะตียี่ห้อชื่อเฉพาะชื่อของโรงงาน คือ Ernst Leitz Wetzlar กับตัวอักษรย่อ D.R.P (Deutschs Reichs Oatant) เท่านั้น ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสาเหตุดั้งเดิมที่ บาร์แนค เคยตั้งชื่อว่า Liliput แต่ติดปัญหาทางด้านการจดทะเบียน จึงยังไม่ได้ใส่ชื่อยี่ห้อกล้อง และเรียกกันว่า Barnack Kamera
ชื่อ Leica ของกล้อง ปรากฏอยู่ในหน้าโฆษณาเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นชื่อเสียงของ บาร์แนค ก็ยังไม่โด่งดังพอ นอกเหนือจากนี้ยังมีการพิจารณาหาชื่อที่เหมาะสมมาใช้กับกล้อง และ เสนอกันให้ใช้ชื่อว่า Wetzlar (เวทสลาร์) แต่ก็มีปัญหา เป็นชื่อที่ออกเสียงยากในหลายภาษา ดังนั้นชื่อ Leca จึงได้เกิดเสนอขึ้นมาใช้ เพราะออกเสียงง่าย ดังปรากฏในหน้าโฆษณาก่อนหน้าจะเป็น Leca (ดูภาพได้จากตอนที่แล้ว)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_02.jpg)
ชื่อ Leca นำมาจากการผสมคำระหว่างคำว่า Leitz และ คำว่า Camera มาเป็น Leca
ในเวลาต่อมาก็ประสบกับปัญหาน่างุนงงอีกเช่นกัน เนื่องจากมีการออกเสียงที่คล้ายคลึงกับ Eca (อ่านว่า อีกา ตามภาษาต่างด้าวนะครับ) ซึ่งเป็นกล้องของฝรั่งเศส
ดังนั้นท้ายที่สุด ชื่อ Leica (อ่านว่า ไลก้า) ก็ได้รับเลือกให้ใช้เป็นชื่อกล้องอย่างเป็นทางการ
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_03.jpg)
กล้อง EKA ของฝรั่งเศส
รูปลักษณ์ของ Leica I
กล้องในรุ่น Leica 1 ได้รับการเปิดตัวแนะนำเข้าสู่ตลาดด้วยรูปลักษณ์ของกล้องโดยรวมคล้ายกับ Leica O Series ยกเว้นตำแหน่งขององค์ประกอบ เช่น ช่องมองภาพ และขาเสียบอุปกรณ์ ที่มีขนาดเล็กลง กลไกของชัตเตอร์ได้รับการปรับปรุงตกแต่งมีแป้นสวมที่ดีขึ้น รูปร่างภายนอกและขนาด ยังคงใกล้เคียงกับ Leica O Series ปุ่มกรอฟิล์มได้รับการปรับปรุงให้มีรูปร่างและขนาดที่ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_04.jpg)
เลนส์ Anastigmat
การปรับความเร็วชัตเตอร์ ต้องอาศัยการดึงขึ้นก่อนหมุนเลือกระดับความเร็วชัตเตอร์ต่างๆ การปรับปรุงในลักษณะนี้ คือ ต้นแบบในการปรับใช้เพื่อหมุนเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่ยังคงใช้มาถึงยุคหลังๆ (ยุคกล้องฟิล์มนะครับ ไม่ใช่กล้องดิจิตอล) และระบบนี้ของ Leica ยังคงใช้มาโดยไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงรุ่น Leica IIIg
กล้องรุ่นแรกจำนวน 500 กล้อง ได้รับการผลิตออกสู่ตลาดในปี ค.ศ. 1925 สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ได้ตั้งแต่ 1/25, 1/40, 1/60, 1/100, 1/200 และ 1/500 วินาที ต่อมาจึงมีการปรับปรุงความไวชัตเตอร์เป็น 1/20, 1/30, 1/40, 1/60, 1/100, 1/200, 1/500 วินาที และเพิ่มชัตเตอร์ตั้งเวลาถ่ายภาพ Time Exposure โดยใช้สัญลักษณ์ Z
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_05.jpg)
กล้อง Leica I ติดเลนส์ Elmar
ในปีแรกของการผลิตกล้อง เลนส์ที่ติดตั้งมากับกล้อง จะมีแตกต่างกัน 2 แบบ คือ เลนส์ Anastigmat และตามด้วย Elmax หลังจากนั้นในปี 1926 เลนส์ ELMAR คือเลนส์มาตรฐานที่ติดมากับกล้อง Leica ด้วยขนาดความยาวโฟกัสของเลนส์ 50 มม. ขนาดรูรับแสง f3.5 เลนส์ ELMAR ที่ติดตั้งมาในปี 1926 สามารถปรับระยะโฟกัสได้ใกล้สุดที่ 1 เมตร หลังจากปี 1926 เลนส์ ELMAR บางรุ่นได้รับการพัฒนาให้สามารถปรับระยะชัดได้ใกล้สุดถึง 20 นิ้ว จากวัตถุ
ข้อน่าพิจารณา สำหรับนักสะสมกล้อง เผื่ออาจจะบังเอิญได้พบเห็นกล้อง Leica รุ่นนี้ติดเลนส์ Anastigmat ราคาสำหรับนักสะสมคะเนกันว่า (ราคาที่ปรากฏในปี 1987 ราคาปัจจุบันไม่ทราบครับ) 300,000.00 บาทขึ้นไป
ในระยะเวลาแห่งการผลิตกล้องรุ่นนี้ในช่วงท้ายๆ ได้ปรากฏเลนส์รุ่นใหม่ที่แนะนำออกสู่ตลาดชื่อ HEKTOR ด้วยขนาด 50 มม.เหมือนกัน มีช่องรับแสง f2.5 ซึ่งเข้าใจกันว่ามีประมาณ 1,000 กล้องที่ติดตั้งเลนส์ HEKTOR
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_06.jpg)
กล้อง Leica I ติดเลนส์ Hektor
กล้อง Leica 1 ในระยะเริ่มต้นประมาณ 17,000 กล้อง จะใช้ปุ่มชัตเตอร์รูปร่างดอกเห็ด หลังจากนี้ปุ่มนี้ได้รับการปรับปรุง ให้มีรูเกรียว สำหรับติดตั้งสายลั่นไกชัตเตอร์
Leica 1 ที่ผลิตขึ้นในปีแรกที่แน่นอนคือ จำนวน 869 กล้อง โดยเริ่มตั้งแต่ No. 131 (บางแห่งกล่าวว่าถึง 1,000 กล้อง) ได้รับการตอบสนอง ได้รับความนิยมจากตลาดอย่างกว้างขวางรวดเร็วดูได้จากจำนวนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือเมื่อสิ้นสุดปี 1927 จำนวนการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 5,500 กล้อง และในปี 1928 ผลิเตมากกว่า 13,000 กล้อง ตาม Serial Number เมื่อสิ้นสุดในปี 1929 ก็ได้ผ่าน Serial No. 21000 นี่เป็นเพียงความสำเร็จในระยะเริ่มต้นของ Leica เท่านั้น
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_07.jpg)
การพัฒนาปุ่มปรับของ กล้อง Leica I ตั้งแต่แหวนปรับความไวชัตเตอร์ แหวนหมุนเคลื่อนฟิล์ม ปุ่มกดชัตเตอร์ และปุ่มกรอฟิล์มกลับ
ในปี 1930 ยอดการผลิตของ Leica ก็ได้พุ่งถึง Serial No.60,000 ในจำนวนนี้ทั้งหมดยังเป็นที่รู้จักเรียกขานในหมู่ชาวอมริกันว่า Model A ซึ่ง Leica ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูงโดยเฉพาะสำหรับตลาดอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด จำนวนกล้องทั้งหมดสำหรับที่รู้จักกันในอเมริกา คือถึง No. 54,000 ยังถือเรียกขานเป็น Model A สำหรับกล้อง Leica ต่อจาก No.5400-60,000 เรียกขานกันว่า Model B
จากปี 1925-1930 ยอดขายของกล้อง Leica ก็พุ่งขึ้นถึง No. 60,000 ซึ่ง Serial No. ของกล้องที่ผลิตจากโรงงานเรียงกันมาตลอด
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_08.jpg)
กล้อง Leica I Model B ติด เลนส์แบบ Compur ชัตเตอร์อยู่ที่เลนส์
จากที่กล่าวมาแล้วว่า ในรุ่นแรกๆ ของกล้อง Leica จะติดเลนส์ Anastigmat ต่อมาก็มีการพัฒนาเลนส์ในรุ่น ELMAR และ HEKTOR ในกล้องจำนวนเหล่านี้ปรากฏมีความแตกต่างกัน และ เป็นที่นิยมต่างกันไป ดังนั้นสำหรับตลาดในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Leica กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น จึงมีการเรียกแยกประเภทของกล้อง Leica รุ่นนี้ออกเป็น 3 แบบด้วยกัน คือ Leica กลุ่มแรกๆ จัดเป็น Leica I Model A ซึ่งมีลักษณะเด่นที่ระบบชัตเตอร์ที่มีก้านตีรูปร่างคล้ายไม้ตีฮ็อกกี้ กลุ่มที่ 2 จัดเป็น Leica I Model B ซึ่งมีลักษณะรูปร่างแบบเดียวกับ Leica I Model A แต่ที่ต่างกันกับรุ่น A ก็คือ เป็น Compur Shutter ความไวชัตเตอร์ติดตั้งอยู่ที่เลนส์ ต้องตั้งที่เลนส์ และกลุ่มที่ 3 ในช่วงหลังได้รับแรแนะนำออกสู่ตลาดในจำนวนไม่มากนัก คือ เป็น Model C เป็นแบบที่สามารถสับเปลี่ยนเลนส์ได้ เป็นแบบเลนส์เกลียว ซึ่งเราจะกล่าวในโอกาสต่อไป
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_09.jpg)
กล้อง Leica I Model B ติด เลนส์แบบ Compur ชัตเตอร์อยู่ที่เลนส์
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_10.jpg)
แหวนปรับความไวชัตเตอร์บนตัวกล้องของ กล้อง Leica I Model A
ทีนี้เราก็จะมากล่าวถึงกล้องรุ่นพิเศษในลักษณะของกล้องสะสมกันละครับ นั่นคือกล้อง Leica ใน Model Luxus จุดเด่นสำคัญของกล้อง Leica I Model Luxus ซึ่งมีผลิตขึ้นมาเพียงจำนวนจำกัด เพียง 115 กล้องเท่านั้น ตั้งแต่ No. 34803-34817 รูปร่างหน้าตาของ Leica I Model Luxus ปกติทั่วไปก็เหมือน Leica I
แต่ที่แตกต่างกันก็คือ Model Luxus ตัว Body ทำด้วยทองคำ หุ้มด้วยหนังตะกวด สวยเด่นล้ำอลังการงานสร้างเลยทีเดียว น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานกล้องทองสำหรับตลาดสะสมในเวลาต่อมา อีกหลายต่อหลายยี่ห้อ แม้แต่ Leica เองก็ยังทำมาถึงปัจจุบันนี้ ต้องสั่งกันอย่างเป็นทางการเลยทีเดียว
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/02/Leica-ep-3_11.jpg)
Leica I Model Luxus ตัว Body ทำด้วยทองคำ หุ้มด้วยหนังตะกวด
เป็นที่น่าสังเกตว่า กล้อง Leica I Model Luxus No.9781 ที่โชว์อยู่ที่ Wetzlar นั้น เข้าใจว่าน่าจะเป็นต้นแบบของกล้อง Luxus ในเวลาต่อมา และจำนวนจริงที่บันทึกไว้ที่ Wetzlar คือจำนวน 87 กล้อง ที่มีการผลิต จากการศึกษาและวิเคราะห์ แล้วเป็นที่เข้าใจว่าการผลิตของกล้อง Luxus จำนวนจริงน่าจะใกล้ 115 กล้อง
นอกเหนือจากกล้อง Model Luxus ยังมีการผลิตกล้อง Leica 1 หุ้มหนังอื่นๆ อีก แต่ไม่ได้เป็นจุดเดิม เนื่องจากใช้ Body เป็นกล้องปกติ ไม่ใช่ทำด้วยทองคำ
เป็นที่ปรากฏในตลาดประมูลกล้อง สำหรับกล้อง Model Luxus ปรากฏราคาประมูลประมาณในปี 1987 ต่ำสุดก็ราคาอยู่ที่ 800,000 บาท ขึ้นไปจนถึงหลักล้าน สำหรับกล้อง Leica I Model Luxus เพียง 1 ตัว ซึ่งขึ้นกับสภาพของกล้องด้วย นับถึงวันนี้ นั่นคือราคาเมื่อ 30 ปีที่แล้วครับ…ราคาวันนี้…!!!!
สิ่งหนึ่งที่ ที่ Leitz ได้จัดปรับปรุงเพื่อความสวยงาม ได้แก่การพัฒนารหัสตัวอักษร 5 ตัว ซึ่งในครั้งแรกจัดขึ้นเพื่อความสะดวกสำหรับการทำแคตตาล็อค และยังคงมีใช้ต่อมาถึงปี 1960 จึงใช้รหัสตัวเลขแทน แต่ลักษณะของอักษรทั้ง 5 ตัว ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Leica เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสินค้าในกลุ่ม อย่างเช่น กล้อง 1 ติดตั้งเลนส์ ELMAR จะใช้ LEANE แต่ถ้าพร้อมกระเป๋าหนัง จะใช้ code ว่า ETRUX หรืออย่าง Leica Luxus จะใช้ Code ว่า LELUX เป็นต้น
พบกันใหม่ ฉบับหน้าครับ กับ เรื่องราวของ Leica ที่คุณอาจจะยังไม่รู้…ตอนที่ 4 ครับ
ย้อนไปดูตอนที่ 1 ได้ลิงค์ข้างล่างนี่
ย้อนไปดูตอนที่ 2 ได้ลิงค์ข้างล่างนี่
Leica…ตำนานกล้องที่ช่างภาพใฝ่ฝัน ตอน 2 (ปอกเปลือก…UR-CAMERA)