เรื่อง+ภาพ : ศุภฤกษ์ นฤเบศร์ไกรสีห์

ดินแดนฝั่งตะวันตกเต็มไปด้วยเทือกเขาหินปูน จึงมีน้ำตก ถ้ำ ผืนป่าสวยงามมากมาย   น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกที่สวยมากสุดแห่งหนึ่งของผืนป่าตะวันตก ทั้งยิ่งใหญ่ และงดงามไม่แพ้น้ำตกอย่างทีลอซู หมันแดง แม้ผมจะเดินทางไปน้ำตกเอราวัณหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยได้ภาพสวยถูกใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เพราะว่าน้ำตกเอราวัณมีขนาดใหญ่มาก แต่ปริมาณน้ำมีน้อย ป่าต้นน้ำไม่ได้สมบูรณ์เหมือนในอดีต ต้องรอฝนตกลงมาอย่างหนักจนเกิดน้ำป่าหลากแล้วรอให้น้ำหายแดงจะเป็นจังหวะที่น้ำตกเอราวัณสวยที่สุด ซึ่งปีหนึ่งๆ น้ำตกเอราวัณจะสวยเพียงไม่กี่วัน หรืออาจจะไม่มีช่วงสวยเลยในปีนั้นๆ ก็ได้หากน้ำไม่มากพอ

ปีนี้ผมเปลี่ยนกล้องใหม่เลยอยากออกถ่ายภาพที่ไม่ไกลกรุงเทพมากนัก ดูข่าวว่าฝั่งตะวันตกน้ำมาก เลยอยากถ่ายภาพน้ำตกเอราวัณเจิมกล้องใหม่ซะหน่อย ผมดูข้อมูลจากหน่วยวัดน้ำฝนของกรมอุตุฯ ที่ท่ากระดานใกล้น้ำตกเอราวัณช่วงไหนฝนตกหนัก รอสักสองสามวันโทรถามเจ้าหน้าที่แล้วไปถ่ายภาพได้เลย ผมก็เลยออกเดินทางไปน้ำตกเอราวัณ พายุแกมีที่สลายตัวแล้วกลับไปตกหนักฝั่งตะวันตก ผมเลยต้องลุยฝนฝ่าน้ำท่วมนครปฐมกับราชบุรีไปจนถึงน้ำตกเอราวัณตอน 8 โมงเช้าปรากฏว่าเมื่อคืนฝนตกหนักน้ำป่ากำลังหลากน้ำแดงเถือก ถ่ายรูปอะไรไม่ได้ ที่ผมติดใจน้ำตกเอราวัณมากเพราะว่าเป็นน้ำตกที่มีฟอร์มชั้นหินปูนสวยมาก สวยที่สุดตั้งแต่เที่ยวถ่ายภาพน้ำตกมา แต่ต้องมีน้ำมากพอจึงจะได้ภาพสวย ยิ่งถ้ามีแสงลอดต้นไม้ลงมาผ่านละอองน้ำตกจะยิ่งสวยขาดใจกันเลยละ ผมจึงตั้งเป้าว่าขอถ่ายภาพน้ำตกเอราวัณให้ได้ดังใจสักครั้งในชีวิต ประกอบกับเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาพึ่งถอยกล้องกับเลนส์ออกมาใหม่ ต้องลองเอามาใช้งานให้คล่องมือสักหน่อยจะลุยถ่ายภาพช่วงปีใหม่ เตรียมมาเต็นท์กับเสื้อผ้ามาค้างคืนอย่างดี ปรากฏว่าแห้ว วันนี้ขับรถมาตั้งแต่ตี 5 เพื่อมากินข้าวเช้าที่ตลาดเอราวัณแล้วกลับบ้าน ดีจริงๆ ขากลับน้ำท่วมถนนเพชรเกษมแถวตัวเมืองนครปฐมกว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเมื่อยขาเลย ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสองสามวันมาแก้ตัวอีกทีผมก็เลยวางแผนใหม่ รอบนี้ตั้งใจจะไป 2 วัน ไปน้ำตกเอราวัณและไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นแล้วออกไปน้ำตกผาตาดอีกที เป็น 3 น้ำตกสวยที่ยังไม่ได้ภาพถูกใจสักที รอบนี้ทีเดียวลุยให้จบไปเลย

น้ำตกเอราวัณอยู่ในอุยานแห่งชาติเอราวัณตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ก่อนถึงเขื่อนศรีนครินทร์เกิดจากลำห้วยม่องล่าย ไหลมาตามเทือกเขาสลอบเกิดเป็นน้ำตกเอราวัณระยะประมาณ 1,500 เมตร เดิมชื่อว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย ตามชื่อลำธารม่องล่ายอันเป็นต้นน้ำของน้ำตก มีชั้นน้ำตกใหญ่ 7 ชั้น ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นนี้จะมี “ปลาพลวง” เป็นปลาตระกูลปลาตะเพียน ลำตัวสีน้ำตาลเขียว เกล็ดโต มีหนวดยาว 2 คู่ ตรงจงอยปาก และ มุมปาก ชอบอาศัยบริเวณธารน้ำตก ลำห้วย หรือธารน้ำที่ใสสะอาดมีพื้นเป็นกรวดหรือทราย ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ  ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ชั้นที่ 7 ผาเอราวัณ เป็นชั้นบนสุดของน้ำตก ลักษณะสายน้ำไหลมองดูคล้ายกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงเป็นที่มาของชื่อ “น้ำตกเอราวัณ” จุดเด่นของน้ำตกเอราวัณคือ สายน้ำอันเย็นฉ่ำใสแจ๋ว มองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายไปมาในน้ำมองเห็นท้องน้ำเป็นสีมรกต อันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำตกที่เกิดจากเขาหินปูน ชั้นที่สวยงามมากคือตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป ม่านน้ำตกจะแผ่กว้างเป็นชั้นสวยงามยิ่ง มีมุมให้ถ่ายภาพมากมาย แต่อาจจะต้องลุยน้ำสักหน่อยเมื่อถึงชั้นบนๆ ปกติจะไม่ลื่นและน้ำไม่ลึก สามารถเดินได้สะดวกแต่ก็ต้องไม่ประมาท ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไม่ชันมาก แต่ถ้าถ่ายภาพไปด้วยจะต้องใช้เวลาทั้งวันหรือมากกว่า 1 วันในการถ่ายภาพน้ำตกทั้งหมด การเดินทางไปน้ำตกเอราวัณจะสะดวกมากถ้าเป็นรถส่วนตัว โดยใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมหรือถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง ถึงจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณสองถึงสามชั่วโมงรวมรถติดที่นครปฐมและตดนิดหน่อยที่กรุงเทพ จากตัวเมืองไปอุทยานแห่งชาติเอราวัณไปตามเส้นทาง 3199 ข้ามสะพานไปยังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วจึงเลยเข้าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 70 กิโลเมตร หากเป็นรถโดยสารประจำทางต้องขึ้นรถไปเมืองกาญก่อน แล้วต่อรถไปยังตลาดเอราวัณ ไปลงหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เดินเข้าไปยังน้ำตกอีก 500 เมตร ที่อุทยานมีที่พัก ร้านอาหาร ที่กางเต็นท์ไว้รองรับพร้อม ด้านบนของน้ำตกห้ามนำเอาอาหารขึ้นไป ส่วนน้ำดื่มต้องเอาภาชนะที่ดูแล้วมีราคาสูงหน่อยเพื่อให้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะไม่ทิ้งไว้ระหว่างทางแน่ๆ ขึ้นน้ำตกได้ตั้งแต่เช้า ต้องกลับลงมาก่อน 5 โมงเย็น สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 0 3457 4222 และ 0 3457 423

ส่วนการเตรียมตัวไปถ่ายภาพน้ำตกเอราวัณ ควรใช้เลนส์มุมกว้างตั้งแต่ 24 มิลลิเมตรขึ้นไป มีขาตั้งกล้องที่มีระดับน้ำซึ่งจำเป็นสำหรับการถ่ายภาพพาโนรามา มุมถ่ายภาพน้ำตกเอราวัณจะออกแนวกว้างมากกว่าอัตราส่วน 3:2  จะเหมาะกับการถ่ายภาพแบบพาโนรามา สายกดชัตเตอร์  ฟิลเตอร์ ND เบอร์ 8 ขึ้นไปสำหรับลดแสงจะได้ถ่ายภาพเปิดรับแสงยาวๆ ให้สายน้ำดูนุ่มนวล ฟิลตอร์ PL ตัดแสงสะท้อนใบไม้และผิวน้ำ น้ำจะดูใสและใบไม้สีเขียวสดขึ้น ส่วนเรื่องฟ้าเข้มอันนั้นแล้วแต่จังหวะเวลานะครับ ใช่ว่า PL จะช่วยให้ฟ้าเข้มเสมอไป ถ้าฟ้าเน่าๆ ใส่ PL เข้าไปอย่างไรก็ไม่เป็นสีน้ำเงินเข้ม อย่างดีก็ดำทั้งภาพ ติดเสื้อกันฝนไปด้วยเผื่อมีฝนตก นอกนั้นแล้วแต่ต้องการครับ มีกระติกน้ำจุสัก 1 ลิตรติดไปด้วยจะดีมาก เดินขึ้นสัก 8 โมงเช้า กลับลงมา 5 โมงเย็น กำลังหิวจัดๆ พอดีเลย งานนี้ผมขนชุดกล้อง DSLR ชุดใหญ่ไป มีกล้อง 2 ตัว Nikon D800 กับ Nikon D4 ซื้อใหม่ทั้งคู่ทดแทน Nikon D3 ที่ใช้งานมาหนักหนาแล้ว กับ Nikon D700 ที่ผมไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไร พอมาเป็น D800 แล้วกลับได้ใช้งานบ่อยเพราะจำนวนพิกเซลมันเยอะมากและคมชัดดีมากนี่แหละ เลนส์ 14-24, 24-70, 70-200, เลนส์ตาปลา 16 มม. เลนส์มาโคร 105 ขาตั้งกล้อง Sirui แบบ Carbon งานนี้ได้หัวขาตั้ง Sirui มาใหม่ อย่างเทพในราคาประหยัดมากมาย ผมเรียกมันว่า Arcaswiss คนยาก ไว้จะรีวิวสั้นๆ ให้นะครับว่าดีน่าใช้อย่างไร ส่วนฟิลเตอร์ ND ผมไม่มี ใช้วิธีเอา PL 2 ตัวมาซ้อนกันทำเป็น Variable ND อันนี้ก็จะเขียนลงให้อ่านแล้วไปลองทำเล่นกันดูนะครับ ไม่ยาก แต่มีข้อระวังอยู่หลายอย่างเหมือนกัน

ผมโทรหาเจ้าหน้าที่ว่าตอนนี้สภาพน้ำตกเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำเยอะและใสดีแล้ว ดูพยากรณ์อากาศก็ไม่มีฝนตกช่วงนี้ พรุ่งนี้ไม่น่าพลาดที่จะได้ถ่ายภาพแก้ตัวอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้ไปคนเดียวแต่มีเพื่อนร่วมชะตากรรมไปอีก 2 คนคือพี่พลกับพี่ป้อมสองผู้สูงวัยไม่ต้องทำงานวันหยุด เรานัดกันตี 5 ที่ปากซอยบ้านผม เอารถของผมไปคันเดียว ประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่าย ขับรถไปคุยกันไปเรื่อยตั้งแต่เรื่องถ่ายภาพ แต่งรถ งานไปจนถึงเรื่องธรรมมะ ใช้เส้นทางปิ่นเกล้านครชัยศรีเข้าบ้านโป่งเมืองกาญจนบุรี แล้ววิ่งไปทางเขื่อนศรีนครินทร์เลี้ยวเข้าไปทางน้ำตก แวะเติมน้ำมันที่ตัวเมืองกาญจนบุรีก่อนวิ่งยาวไปน้ำตกถึงที่ตลาดเอราวัณแวะกินข้าวเช้าให้อิ่ม มีร้านข้าวแกงอร่อยอยู่ในตลาดฝั่งที่จะเข้าน้ำตก เที่ยงเราจะไม่ได้กินอะไรเพราะที่ด้านบนของน้ำตกตั้งแต่ชั้น 3 เป็นต้นไปไม่ให้นำน้ำและอาหารขึ้นไปทาน เป็นเรื่องดีมากที่จะทำให้น้ำตกแถวนั้นสะอาดสะอ้าน ลดปริมาณคนที่ไปนั่งแช่อยู่ในน้ำตก ขว้างขวดเหล้าขว้างแก้วไปที่ลำธาร เราเริ่มเดินขึ้นน้ำตกประมาณ 8 โมงเช้า เป็นคณะแรกที่มาถึงน้ำตกแล้วเดินขึ้น เห็นสายน้ำใสๆแล้วชื่นใจว่างานนี้ไม่พลาดแน่ แต่ปริมาณน้ำก็ไม่ได้มากอย่างที่หวังเอาไว้ แม้ว่าฝนพึ่งหยุดไปได้ไม่นานนี้เอง ผมติดอุปกรณ์ทั้งหมดเดินขึ้นน้ำตก ไม่ได้เอาอะไรออกจากกระเป๋าเลย ไม่ได้แบกกล้องถ่ายรูปหนักๆ แบบนี้มานานมากแล้ว   

จากที่จอดรถเดินเข้าไปที่น้ำตกยังไม่ถึงชั้นแรกก็เจอเห็ดสีขาวขึ้นมาเป็นกอเลย ผมเอาเลนส์ 24-70 ออกมาใช้งานเป็นลำดับแรก เลนส์ซูมตัวนี้ผมพึ่งซื้อมาใหม่กิ๊กๆ ยังไม่ได้ใช้งานเลย งานนี้เป็นงานแรก ผมลองเดินดูรอบๆ กอเห็ดว่ามีมุมไหนบ้างที่จะถ่ายภาพได้อย่างที่ต้องการ ปกติเวลาถ่ายภาพแบบนี้มันจะมีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ ถ่ายตัวเห็ดโดดๆ เน้นที่ตัวเห็ดเป็นหลัก เป็นการถ่ายภาพมาโคร กับถ่ายภาพเห็นให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างออกแนวโคลสอัพกึ่งแลนด์สเคป ผมถ่ายภาพไว้ทั้งสองแบบ ภาพเน้นเห็ดใช้มาโคร 105 ส่วนภาพกว้างผมให้เห็นฉากหลังเป็นลำธารด้วยเลนส์ 24-70 ใช้ช่องรับแสง f/11 ที่ ¼ วินาทีบนขาตั้งกล้อง ตัวเห็ดชัดแจ๋วส่วนฉากหลังยังเบลอๆ อยู่

ผมเดินตามพี่ป้อมกับพี่พลไปที่น้ำตกชั้น 1 ไหลคืนรัง ประมาณ 9 โมงเศษๆ เริ่มมีผู้คนมาเที่ยวน้ำตกบ้างแล้ว ส่วนมากจะเป็นฝรั่งนุ่งชุดว่ายน้ำเดินไปเป็นกลุ่มๆ ท่าทางวันนี้คงไม่ราบรื่นเหมือนที่คิด ชั้นที่ 1 จะเป็นน้ำตกไหลลงมาจากด้านข้าง จุดตั้งกล้องมีค่อนข้างน้อย มุมถ่ายภาพนี้ถ้าไม่ไปอยู่กลางลำธารก็ต้องถ่ายภาพจากด้านข้าง ภาพแรกผมจึงลุยน้ำไปกลางลำธาร เลือกที่ไม่ลึกน้ำไม่แรงมากแล้วถ่ายภาพแนวตรงเข้าหาน้ำตก ใช้ชัตเตอร์ปานกลางประมาณ 1/8-1/15 วินาที ที่ความไวแสง 100  ผมใช้ขาตั้งกล้องด้วย นอกจากให้กล้องนิ่งองค์ประกอบภาพจะได้ไม่หลุดไปหลุดมาเหมือนการใช้มือถือกล้อง ยังสามารถถ่ายภาพพาโนรามา ถ่ายภาพทำ HRD หรือเอาภาพมาตัดต่อภายหลังได้ด้วย การตัดต่อภาพที่ผมทำไม่ได้เป็นการเอาภาพที่โน้นมาใส่ที่นี่ เป็นแค่การเอาคนออกไปจากภาพเท่านั้นเอง เนื่องจากน้ำตกเอราวัณคนจะเยอะมาก เดี๋ยวๆ ก็มีคนเดินเข้ามาในภาพเรา ถ้าจะต้องรอให้คนออกไปจากภาพคงไม่ได้ถ่ายแน่ๆ หรือใช้เวลานานมากเกินไป ผมจะใช้วิธีถ่ายภาพซ้ำๆ โดยให้คนอยู่คนละตำแหน่ง (คนเดินไปมาก็จะอยู่ไม่ซ้ำที่ในแต่ละภาพ) จากนั้นก็เอาภาพทั้งหมดมาซ้อนกันแล้วลบคนออก เท่านี้ภาพก็จะไม่มีคนมารกสายตาแล้ว เทคนิคนี้จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องเพื่อให้ภาพอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน 100% ทุกภาพ

น้ำตกเอราวัณ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง มองเห็นไปยังชั้นที่ 2 เลนส์ 24-70 1/5 วินาที f/11

จากชั้น 1 เรามุ่งขึ้นชั้น 2 ที่อยู่ถัดไปนิดเดียว ชั้น 2 ชื่อวังมัจฉา จุดเด่นของน้ำตกชั้นที่ 2 คือมีแอ่งสำหรับเล่นน้ำและมีปลาพวงอยู่เป็นจำนวนมากมารออาหารที่คนโยนลงไปให้กินน้ำตกชั้นนี้ถ้าถ่ายภาพปกติจะไม่เห็นปลา ต้องใช้ฟิลเตอร์ PL เพื่อตัดแสนสะท้อนน้ำ และยังต้องเลือกความเร็วชัตเตอร์ให้เหมาะด้วย ถ้าชัตเตอร์สูงไปน้ำตกไม่สวย ต่ำไปปลาจะไหวหมด ผมใช้ชัตเตอร์ที่ 1/15 วินาทีพอจะได้ทั้งน้ำตกและปลา แต่ก็มีใช้ชัตเตอร์ช้าอย่าง ½ วินาทีด้วยเหมือนกัน จริงๆ เราสามารถเล่นกลนิดหน่อยโดยเอาภาพน้ำตกชัตเตอร์ช้ามารวมกับภาพปลาที่ชัตเตอร์สูง ก็จะได้ดีทั้งคู่ ดิจิตอลมันดีแบบนี้ละ พวกเราถ่ายภาพที่ชั้นแรกอยู่ประมาณ 15 นาที คนเริ่มทะยอยขึ้นไปน้ำตกชั้นบนมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าจะแย่ซะแล้ว

น้ำตกเอราวัณ ชั้นที่ 2 วังมัจฉา มองเห็นปลาพลวงกับขยะที่เกิดจากน้ำป่าที่พึ่งผ่านไปไม่กี่วัน ต่อภาพเป็นพาโนรามา เลนส์ 24-70 มม. 1/30 วินาที f/11

ถัดจากชั้น 2 ไปจะเดินไกลขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละชั้น และทางขึ้นเขา ถ้าหัวเข่าไม่ดีหรือกำลังไม่ดีก็จะแย่อยู่เหมือนกัน เดินไปสักพักเราก็มาถึงชั้น 3 ชื่อว่าผาน้ำตก ชั้นนี้น้ำตกจะไม่กว้างไหลลงแอ่งน้ำใหญ่ ผมลุยน้ำเดินไปถ่ายภาพจากด้านข้าง ปกติผมถ่ายภาพน้ำตกนี้จะมีปัญหาชีวิตบ่อยๆ เพราะมุมที่สวยจะเป็นแบบพาโนรามา ตอนนี้สบายละ ครั้งก่อนๆ ผมใช้ GITZO 320 มีปัญหาเรื่องการตั้งกล้องให้ได้ระดับน้ำ ตอนนี้ผมเปลี่ยนขาตั้ง SIRUI R-4203L เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ 8 ชั้น แข็งแรงหายห่วงเบาขึ้นเยอะด้วย กับหัวบอล K40X มีระดับน้ำทั้งขาและหัว แถมที่ตัวกล้องก็มีระดับน้ำแสดงอยู่ด้วย เลยสามารถหมุนกล้องให้ได้ระดับน้ำแทบจะเป๊ะๆ ได้เลย ผมถ่ายภาพพาโนรามาด้านข้างโดยต่อกัน 9 ภาพ เปลี่ยนองศาที่ละนิด ใช้จำนวนภาพมากหน่อยแต่ต่อได้เนียนและง่ายด้วย แล้วก็ลุยน้ำไปถ่ายภาพพาโนรามาอีกฝั่งหนึ่ง ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง (เพราะต้องรอคนออกจากภาพ) 

จากผาน้ำตกเราเดินขึ้นเขาไปชั้นท่าสวยน้อยที่สุดคือ อกผีเสื้อ เป็นน้ำตกชั้นเล็กๆ แถมมีคนไปอยู่บนน้ำตกเยอะมากจนผมต้องเดินผ่านไปเลยเพราะไม่รู้จะถ่ายภาพอย่างไร ไปต่อที่ชั้น 5 คือเบื่อไม่ลง ระยะห่างของสองชั้นนี้ค่อนข้างไกลต้องเดินอย่างอดทนหน่อยนะครับ ถ้าเหนื่อยก็หยุดพักเป็นระยะ ชั้น 5 เป็นชั้นที่ผมว่าฟอร์มมันสวยที่สุด เป็นผาเล็กๆ ลดหลั่นกันเป็นแนวกว้าง แต่ชั้นนี้จะสวยได้ต้องมีน้ำเต็มผา ต้องมาช่วงที่น้ำเยอะแบบพีคจริงๆ เท่านั้น นี่เป็นเหตุผลให้ผมเลือกจังหวะที่พึ่งหมดพายุใหม่ๆ แต่ก็ต้องผิดหวัง ชั้นเบื่อไม่ลงไม่มีน้ำ น้ำน้อยมากๆ แถมมีคนมานั่งแช่น้ำตกอยู่ไม่ไปไหน ผมตั้งกล้องอยู่ชั่วโมงกว่าๆ คนก็ไม่ไปไหน ถ่ายไม่ได้เลย น้ำน้อยคนเยอะ ผมกดชัตเตอร์ไม่กี่รูปก็ต้องยอมแพ้เดินไปยังชั้นบน 6 ดงพฤกษาต่อ   

น้ำตกเอราวัณ ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ ต่อภาพพาโนรามา เลนส์ 24-70 มม. 1/4 วินาที f/11

น้ำตกเอราวัณชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ เลนส์ 24-70 1/4 วินาที f/11

ชั้น 6 ดงพฤกษา เป็นผาน้ำตกที่ใหญ่ แต่มุมค่อนข้างอับและรกถ่ายภาพได้ยากมาก แต่น้ำไหลเต็มหน้าผาเลย ทำไมชั้น 5 ไม่เต็มอย่างนี้บ้างหว่า ผมต้องถ่ายจากมุมสูงแล้วคร็อปบางส่วน ยอมถ่ายภาพน้ำตกแบบไม่เต็มน้ำตกซึ่งก็พอถ่ายภาพได้ ผมต้องใช้ฟิลเตอร์ ND ช่วยเพราะแดดส่องเข้าน้ำตกเต็มๆ ทำให้ชัตเตอร์สูงมากต้องลดแสงลง ชั้นที่ 6 มีผาน้ำตกหลายชั้นมาก ด้านบนๆ จะเป็นผาน้ำตกกว้างใหญ่อลังการมาก ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ป่าไม้ยังสมบูรณ์ ผมเชื่อว่าชั้น 6 ของน้ำตกเอราวัญจะเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศไทย มองไปตรงไหนก็มีแต่น้ำตกล้อมรอบเราแบบ 360 องศา สวยงามอลังการที่สุด แต่วันนี้ไม่มีน้ำ ทำให้ผาน้ำตกมากมายมีแต่หินปูนไม่ต่างอะไรจากทางเดินปกติ น่าเสียดายมาก ทางเดียวที่จะถ่ายได้เห็นจะต้องถ่ายภาพตอนน้ำหลากซึ่งน่าจะอันตรายเกินไป และน้ำช่วงนั้นจะเป็นสีแดง ก็อาจจะไม่สวยอีกนั่นละ

บางส่วนของน้ำตกเอราวัณ ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา เลนส์ 24-70 มม. 1/8 วินาที f/14

เราปีนน้ำตกขึ้นไปเรื่อยๆ บางช่วงต้องใช้บันไดไต่ขึ้นไป สุดท้ายก็มาถึงชั้นสูงสุดของเอราวัณคือ ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ลักษณะเป็นหัวช้างสามเศียรเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณนี่เอง ชั้นบนมีคนเยอะมาก พอมีน้ำไม่เยอะเท่าไรผมถ่ายภาพชั้นหน้าผาน้ำตกเป็นมุมเงยขึ้นไปมีละอองน้ำกระเซ็นมาเป็นระยะต้องคอยเช็ด ชั้นผาน้ำตกถ้ามีน้ำเยอะก็จะอลังการระดับน้ำตกทีลอซู เสียดายที่น้ำไม่มากอย่างที่คาดไว้ ผมถ่ายภาพน้ำตกแบบเต็มๆ แล้วก็ตัดถ่ายภาพบางส่วน ดูนาฬิกาก็บ่าย 3 แล้ว ใกล้เวลาที่เจ้าหน้าที่จะไล่เราลงจากน้ำตก ที่นี่จะให้คนลงประมาณ 4 โมง โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยไล่คนลงมาผมเริ่มหิวน้ำมากเพราะน้ำที่เอามาหมดเกลี้ยงเดินลงน้ำตกไปที่จอดรถ มีถ่ายภาพซ่อมบางช่วงเย็นๆ ไม่มีคนสักเท่าไรโดยเฉพาะชั้น 5 ที่คนเยอะมากตอนนี้แทบไม่มีคนเลย

ระหว่างทางไปน้ำตกเอราวัณ ชั้น 7 เลนส์ 24-70 0.62 วินาที f/14

น้ำตกเอราวัณชั้น 7 ผาเอราวัณ เลนส์ 24-70 1/20 วินาที f/11

น้ำตกเอราวัณ ชั้น 7 ผาเอราวัณ เลนส์ 24-70 1/20 วินาที f/11

ผมกลับถึงที่จอดรถประมาณ 4 โมงเศษๆพี่ป้อมกับพี่พลตัวเปียกมาเลยบอกว่าโดนฝนตกด้านล่าง แต่ผมอยู่ด้านบนไม่โดนฝนเลย มีแต่ทางที่ค่อนข้างเละเดินยาก มาน้ำตกเอราวัณ ผมแนะนำให้ใส่รองเท้าแตะที่พื้นเป็นแบบรองเท้าบูทเพื่อให้ลุยทางเละๆ ได้ดี ถ้าพื้นเรียบๆ จะลื่น ขาลงมาก็เละและลื่นเอาการ เราไปรวมพลกันที่ร้านอาหาร ผมนี่เหนื่อยแฮ๊กๆ เลย พักเหนื่อยกันสักพักเราก็เดินทางต่อไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ผมขับรถไปชักอาการไม่ดี ปวดหัวมวนท้องเหมือนอาหารเป็นพิษ ทางเข้าน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นตอนนี้ลาดยางเรียบกริป จากที่ต้องวิ่งรถกันสี่ห้าชั่วโมงตอนนี้แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว ถึงห้วยแม่ขมิ้นผมอาการไม่ดีเท่าไร ต้องอาเจียนเอาที่เป็นพิษออกมาให้หมดแล้วนอนพักสักครู่ อาการก็ดีขึ้น คืนนี้เรานอนบ้านพักอุทยานแบบสบายๆ ส่วนอาหารก็ไปกินที่ร้านด้านล่างทางที่จะไปลงแพผมจำชื่อร้านไม่ได้ มีอยู่ร้านเดียว อร่อยมากๆ เสียดายที่ปลาคังตัวเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ชั้น 4 ฉัตรแก้ว เลนส์ 24-70 1/2วินาที f/14 ฟิลเตอร์ Variable ND

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว เลนส์ 24-70 1 วินาที f/13 ฟิลเตอร์ Variable ND

คืนนี้ฟ้าปิดไม่เห็นดาวสักดวง ผมเลยไม่ได้ถ่ายภาพดาวอย่างที่ชอบ เช้าเราตื่นแต่เช้ามากินข้าวที่ร้านของอุทยาน ไม่ได้ถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นเพราะมุมมันไม่ได้สวยเท่าไร ประมาณ 9 โมงเราก็เริ่มออกถ่ายภาพกัน เริ่มจากชั้น 4 ฉัตรแก้ว ก่อนเพราะอยู่ใกล้เราที่สุด น้ำตกชั้น 4 เป็นสัญลักษณ์ของน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ลำธารทั้งสายจะตกจากหน้าผากว้างสวยมากๆ ปัญหาเดียวคือมันตกลงหุบ เวลาถ่ายภาพจะต้องถ่ายจากด้านบนลงไป ตอนนี้มีต้นไม้รกๆ มาบังมุมก็เลยทำให้ถ่ายภาพได้ยากและมุมจำกัดไปหน่อย ถ้าจะถ่ายภาพมุมล่างต้องลุยน้ำเข้าไป จะให้สวยก็ต้องใช้ชัตเตอร์ต่ำรอบนี้ผมใช้ฟิลเตอร์ Variable ND เป็นครั้งแรก สะดวกและดีมาก Variable ND ทำให้เราสามารถกำหนดว่าจะใช้ช่องรับแสงและชัตเตอร์เท่าไร จากนั้นเราหมุนฟิลเตอร์เพื่อปรับความเข้มให้ฟิลเตอร์ลดแสงไปยังค่าที่เราต้องการได้เลย ที่ผมใช้อยู่จะลดได้ 2-8 stop โดยไม่ทำให้สีเพี้ยนหรือเกิด X-Mark ในภาพ เราถ่ายภาพชั้น 4 กันพักใหญ่ๆ จากนั้นก็เดินต่อไปยังชั้นบนซึ่งอยู่ห่างออกไปค่อนข้างเยอะ เราผ่านชั้น 5 ไหลจนหลง โดยไม่ได้ถ่ายภาพเพราะไม่สวยหาตัวน้ำตกยังไม่เจอเลยก็แล้วกันสมชื่อไหลจนหลง มุ่งไปยังชั้น 6 เป็นชั้นที่สวยมากๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึงชั้น 6 ดงผีเสื้อ น้ำตกชั้นนี้ช่วงหน้าร้อนจะมีผีเสื้อเยอะมาก แต่ตอนนี้หน้าฝนหาผีเสื้อไม่ได้สักตัว ชั้น 6 จะเป็นหน้าผาเตี้ยๆ แต่กว้างมากหลายสิบเมตร น้ำตกจะลดหลั่นเป็นชั้นเล็กๆ สวยมากๆ ผมเคยถ่ายภาพชั้นนี้สมัยกล้องฟิล์ม ได้ภาพสวยแต่ยังไม่ถูกใจเท่าไร รอบนี้กะมาแก้มือเต็มที่โดยถ่ายภาพเป็นพาโนรามามันซะเลย เรื่องการถ่ายภาพพาโนรามากับการต่อภาพผมเคยเขียนลงในคาเมราร์ตมารอบหนึ่งนานมากแล้ว ปัจจุบันก็ยังใช้เทคนิคนั้นอยู่แต่อัพเกรดโปรแกรมดีกว่าเดิม แต่ยังเป็นโปรแกรมรุ่นเดิมคือ PTGui ผมตั้งกล้องด้านล่างใกล้ๆ กับระดับลำธารแล้วถ่ายภาพพาโนรามาเอาไว้ แต่ละชุดใช้ประมาณ 12 ภาพมาต่อกัน เลนส์ 24-70 มม. ตั้งกล้องไว้ 2 จุดหลักๆ น้ำตกชั้นนี้จะถ่ายภาพกว้างๆ พาโนรามาก็ได้ จะถ่ายเจอะเป็นจุดๆ ก็สวยไปหมด น้ำเต็มกำลังดีเลยผมถ่ายภาพน้ำตกนี้ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ไม่มีใครเดินมาสักคน ปกติคนมาน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นก็จะถ่ายกันเฉพาะชั้น 4 ซึ่งน่าเสียดายเพราะชั้นบนๆ ก็สวยไม่แพ้กัน

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ชั้น 6 ดงผีเสื้อ เลนส์ 24-70 1 วินาที f/13 ฟิลเตอร์ Variable ND

จากชั้น 6 เรามุ่งไปยังชั้น 7 ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ชั้น 7 ชื่อว่า ร่มเกล้า เป็นชั้นบนสุดของห้วยแม่ขมิ้น น้ำตกไม่สวยหรือกว้างมาก ออกแนวป่าครึ้มๆ ผมก็เลยถ่ายภาพโดยให้มีฉากหน้าเป็นป่าครึ้มๆ หน่อย แล้วก็ตัดส่วนให้พี่พลกับพี่ป้อมเข้ามายืนแอ๊คในภาพ ไม่มีอะไรมากสำหรับชั้นนี้ จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปยังชั้น 4พอดีแดดเปลี่ยนก็เลยถ่ายภาพไว้อีกชุด

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ชั้น 7 ร่มเกล้า เลนส์ 24-70 1.3 วินาที f/16 ฟิลเตอร์ Variable ND

หลังจากข้าวเที่ยงเราเดินลงไปยังชั้นล่างๆของน้ำตก จากชั้น 4 เดินไปนิดเดียวจะเป็นชั้น 3 คือ วังหน้าผา เป็นผาน้ำตกขนาดไม่ใหญ่นักแต่น้ำแรงมากๆ รอบที่แล้วผมได้เห็ดเป็นฉากหน้า รอบนี้อดไม่มีเห็ดขึ้นมาสักดอกเลย แดดค่อนข้างแรงจนผมต้องใช้ Variable ND อีกรอบเพื่อลดความเร็วชัตเตอร์ลงมาที่ชัตเตอร์ 1/8 วินาที มุมถ่ายภาพมีไม่มากนัก ถ่ายเสร็จเราก็เดินไปยังชั้น 2 ชื่อ ม่านขมิ้น ชั้น 2 นี่ถ้าถ่ายภาพปกติจะถ่ายได้ยาก เพราะเป็นน้ำตกชั้นเตี้ยๆ แต่แผ่กว้างหลายสิบเมตร แต่ก่อนผมใช้เลนส์มุมกว้างภาพออกมาไม่ได้เรื่องเลยรอบนี้เปลี่ยนเป็นพาโนรามาไปเลย ตั้งกล้องที่ระยะไกลนิดหน่อยแล้วใช้เลนส์ 70-200 มม. ถ่ายภาพเจาะเข้าไปแล้วแพนเป็นแนวกว้าง โดยคุมมุมภาพด้านแนวตั้งเป็นหลัก ต่อภาพออกมาถูกใจมากๆ ใครที่ใช้กล้องคอมแพคจะสะดวกหน่อยเพราะมันมีโปรแกรมพาโนรามามาให้เรียบร้อย ต่อเนียนอีกต่างหาก เดี๋ยวนี้ผมถ่ายภาพสนุกมากขึ้น ถ่ายกว้างมากๆ ด้วยเลนส์มุมกว้างไม่ได้ก็ถ่ายพาโนรามามันซะเลย ปัญหาคือเวลาดูรูปมันไม่ค่อยเต็มตา ไว้รอจอ 30 นิ้ว ลดราคาลงมาถูกๆ จะซื้อมาใช้สักจอ ดูภาพพาโนรามาสะใจดี เวลาผมถ่ายภาพพาโนผมจะถ่ายภาพไว้หลายๆ เซ็ทนะครับ เผื่อมีปัญหา และต้องถ่ายกว้างเอาไว้เล็กน้อย เวลาต่อภาพจะมีการตัดส่วนนิดหน่อยภาพจะได้พอดี และควรถ่ายภาพหลายๆ ภาพเปลี่ยนมุมทีละหน่อยพอ โดยเฉพาะกับเลนส์มุมกว้าง ต้องถ่ายภาพถี่หน่อย ผมจะให้ภาพเหลื่อมกันประมาณ 50% ตลอด เวลาต่อภาพจะตัดส่วนไม่มาก ภาพไม่บิด ต่อง่ายแก้ไขง่าย ถ้าถ่ายภาพจำนวนน้อยต่อแล้วภาพจะตัดส่วนมากลองถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จะมีประสบการณ์ว่าต้องทำอย่างไร

จากชั้นที่ 2 เดินลงไปอีกหน่อยก็ถึงชั้นที่ 1 ดงว่าน อันเป็นชั้นล่างสุดของห้วยแม่ขมิ้นก่อนจะไหลลงไปในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ชั้นดงว่านจะไหลยาวมาก น้ำเยอะแต่ไม่กว้าง  ปัญหาของชั้นนี้จะอยู่ที่แสงค่อนข้างต่างกันมากระหว่างชั้นบนที่มักโดนแสงกับด้านล่างที่อยู่ในร่มไม้ แนะนำให้ใช้โหมด HDR หรือลดความเปรียบต่าง เพิ่มไดนามิกเรนจ์ของภาพขึ้นไป ภาพนี้จะทำพาโนรามายากหน่อยเพราะต้องทำ HDR ก่อนแล้วไปต่อพาโนรามาทีหลัง ถ้าให้ง่ายก็ถ่ายเป็น HRD ที่กล้องเลยแล้วไปต่อพาโนรามาอย่างเดียว แต่ถ่ายได้เป็น JPG ถ่ายเป็น RAW ไม่ได้

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น เลนส์ 24-70 1/2 วินาที f/13 ต่อพาโนรามา

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ชั้น 3 วังหน้าผา เลนส์ 24-70 มม. ใช้ระบบ HDR ซ้อน 3 ภาพในกล้อง

เราถ่ายภาพห้วยแม่ขมิ้นเสร็จประมาณ 4 โมงเย็นจึงเดินทางกลับ ทริปนี้แม้จะผิดหวังกับน้ำตกเอราวัณนิดหน่อย แต่ได้ห้วยแม่ขมิ้นที่สวยถูกใจ รอบหน้าผมจะลองมาถ่ายภาพช่วงที่น้ำหลากดูซิว่าคราวนี้น้ำตกเอราวัณชั้นบนๆ จะมีน้ำเต็มไหม ถ้ายังก็เลิกละ