เรื่อง+ภาพ : ApochTophy’s
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 251/2018 August
Chiaroscuro คำนี้เป็นภาษาอิตาลี อ่านว่า เคียอารอสคูโร (เคีย/เคียอา-รอส-คูโร่) มาจากการรวมกันของคำว่า ‘สว่าง’ (chiaro) และ ‘มืด’ (scuro) แปลว่า แสงและความมืด (light and darkness) เป็นเทคนิคการวาดภาพที่ศิลปินใช้ในการสร้างมิติในภาพเขียน โดยการใช้ค่าต่างแสงระหว่างความมืดและความสว่างทำให้เห็นปริมาตร รูปทรง และบริเวณที่ว่างอย่างชัดเจน เทคนิคการใช้แสงทำให้เกิดรูปทรง เป็นการให้น้ำหนักแสง ตัดกับส่วนมืด เพื่อเน้นรูปทรงให้เห็นเป็นรูปร่างและการควบคุมแสงให้รายละเอียดต่างค่อยๆ หายไปในความมืด นับว่าเป็นเทคนิคในการสร้างมิติให้กับภาพเทคนิคหนึ่ง
ศิลปินที่นิยมใช้วิธี Chiaroscuro ลงในผลงานมากมาย ที่โดดเด่นมากๆ ก็เช่น Leonardo Da Vinci, Giovanni Baglione, Michelangelo Merisi da Caravaggio และอีกคนหนึ่งที่ช่างภาพมักพูดถึงอยู่เสมอก็คือ Rembrandt Harmenszoon van Rijn และเพราะผลงานของ Rembrandt ได้รับความนิยมอย่างมากทำให้พอพูดถึงเทคนิคการใช้แสงแบบนี้ จะนึกไปถึงคำที่เราคุ้นเคยกันที่เรียกว่า Rembrandt lighting หรือ Rembrandt style
เรมบรันต์ (Rembrandt) เป็นทั้งจิตรกรช่างพิมพ์ และช่างเขียนแบบ เป็นศิลปินดังอีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะ ผลงานของเขามีส่วนทำให้เนเธอร์แลนด์เข้าสู่ยุคทองที่รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงศตวรรษที่ 17 ผลงานของเรมบรันต์มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องแสงและเงา ที่ทำให้ภาพสวยงามดูมีมิติ สามารถบอกระยะตื้นลึกของภาพได้เสมือนจริง เป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์และนักศิลปศาสตร์
ในการจัดแสงในสตูดิโอหนึ่งในประเภทของการจัดแสงถ่ายภาพมีอยู่เทคนิคหนึ่งก็คือ Rembrandt Lighting เป็นการจัดแสงแบบเน้นเฉพาะส่วน เช่นเน้น ดวงตา ใบหน้าหรือส่วนอื่นที่เราต้องการ โดยใช้เทคนิคการบีบขอบเขตของไฟ ให้มีส่วนที่แสงตกกระทบน้อยลง หรืออยู่ในวงจำกัด นิยมนำสูตรนี้มาใช้ในการจัดแสงกับการถ่ายภาพ portrait
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_01.jpg)
ภาพ The Calling of Saint Matthew ของ Caravaggo
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_02.jpg)
ภาพ supper at emmaus ของ Caravaggo
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_03.jpg)
ภาพวาด Portrait of an Old Man in Red ของ Rembrandt
Rembrandt Lighting และ Chiaroscuro มีจุดร่วมเดียวกันคือการจัดการแสงในภาพโดยใช้แสงและเงา แต่ Rembrandt Lighting ดูจะเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของศิลปินอย่าง Rembrandt ที่สร้างขึ้นมาจากเทคนิค Chiaroscuro จนกลายเป็นสไตล์ส่วนตัวที่ชัดเจน
Chiaroscuro photography จากเทคนิคของภาพวาดถูกนำมาใช้กับศิลปะภาพถ่ายแบบ Clair obscur หรือ low-key ที่เน้นการเล่นแสงและเงาของช่างภาพ Chiaroscuro photography ที่เป็นการผสมผสานของ Light, Shadow และ Contrast ให้ความรู้สึกภาพที่ลึกลับ ซ่อนเร้น และเป็นเทคนิคที่ใช้กันมากในภาพขาวดำ แสงลักษณะ Chiaroscuro นี้สามารถใช้ได้ทั้งกับคน วัตถุ หรือ ภาพ still-life ต่างๆ ฯลฯ สิ่งสำคัญคือเราต้องเลือกให้เหมาะกับงานนั้นๆ เพราะแสงแบบนี้สามารถทำลายความสวยงามของ subject ได้ เพราะด้วยบุคลิกของแสงที่มี Contrast จัด ในการถ่ายภาพ หรือจัดแสง ตามลักษณะของ Chiaroscuro ให้ถ่ายเป็น ขาวดำ หรือถ้าหากเป็นสี ก็ควรคุมโทนสีไม่ให้ตัดกันมาก และไม่ควรมีหลายสี
การถ่ายภาพ Chiaroscuro การควบคุมแสงเป็นสิ่งสำคัญ เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพ Chiaroscuro นั้นมีไม่มาก โดยเราจะยึดหลักง่ายๆ ไม่กี่ข้อในการถ่ายภาพ
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_04.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_05.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_06.jpg)
Use one light source ใช้แหล่งกำเนิดแสงเดียว
แม้ว่าใน ความคิดของ Chiaroscuro ไม่ได้จำกัดการใช้แหล่งกำเนิดแสงหลายแห่งแต่การเลือกใช้แสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงเดียว จะทำให้เราควบคุมทิศทางของแสง รวมไปถึงคุณภาพและลักษณะของแสงได้ง่ายแหล่งกำเนิดแสงนี้อาจจะมาจากไฟสตูดิโอ หรือแสงแข็งๆ จากบานหน้าต่างก็ได้
Position the light directionally & close to the subject วางทิศทางของแสง และอยู่ใกล้วัตถุ
เลือกตำแหน่งให้แสงเข้ามาในทิศทางที่เหมาะสม การจัดแสงไฟตามผังไฟแบบแนวนอนจะทำงานได้ดีที่สุด วางแหล่งกำเนิดแสงหรือวัตถุเพื่อให้เงาถูกปรับให้เหมาะสม โดยปกติแล้วให้แสงเข้าสู่เฟรมตามแนวนอนในส่วนที่สัมพันธ์กับเรื่องราวในภาพ จะช่วยสร้างความแตกต่างระหว่างแสงกับสีเข้มของฉาก
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_07.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_08.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_09.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_10.jpg)
Choose an environment which is dark toned เลือกสภาพแวดล้อมที่มืดครึ้ม
เป้าหมายคือการสร้างภาพที่มีโทนมืดมาก สภาพแวดล้อมในการถ่ายภาพจึงต้องได้รับการควบคุมอย่างดี ควรเลือกห้อง หรือสถานที่ ที่มีกำแพงมืด หรือมีโทนมืดครึ้ม และหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพรอบๆ วัตถุที่สามารถสะท้อนแสงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่นกระจกต่างๆ หรือสิ่งที่มีสีสันสดใส สว่างเกินไปนัก
Monochrome ภาพขาวดำ
ถ้าจะถ่ายภาพแบบ Chiaroscuro เป็นภาพสี การควบคุมโทนสีทั้งหมดในภาพดูจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ดังนั้นภาพขาวดำที่จะเน้นไปที่แสงเงาเป็นหลักอยู่แล้วนั้น ภาพที่มีแสงและเงาที่ค่อนข้างจัดอย่าง Chiaroscuro จึงดูเหมาะสมและดูมีพลังมากขึ้นเมื่อเป็นภาพขาวดำ เพราะไม่มีสีสันที่จะมาแย่งความน่าสนใจไป
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_11.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/08/Low-Key-Style_12.jpg)
Increase the contrast and darken shadows เพิ่มความเปรียบต่างและความเข้มของเงา
Contrast ที่จัดของแสงและเงาที่เข้ม สร้างพลังให้กับภาพมาก เราสามารถปรับค่าเหล่านี้เพิ่มได้ด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพเพื่อให้ภาพนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ข้อควรระวังคือ รายละเอียดต่างๆ ในส่วนสว่างและส่วนเงามืด ที่เราต้องการไม่ควรหายไปทั้งหมด ดังนั้นการปรับแต่งยังคงอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
Chiaroscuro เกิดมาจากเทคนิคการสร้างงานศิลปะในสมัยโบราณ และเป็นวิธีที่น่าสนใจจนถูกนำมาใช้ในการถ่ายภาพ ดังนั้นถึงที่สุดแล้วการสร้างสรรค์งานในแบบฉบับของ Chiaroscuro เราควรศึกษาจากงานศิลปะดั้งเดิมเป็นหลักแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับงานภาพถ่ายของเราเพื่อให้ตรงกับความต้องการของเรา ไม่ใช่ถูกใจผู้อื่น เคยมีคำถามเกี่ยวกับการถ่ายภาพว่าภาพสวย ถ่ายอย่างไรให้สวย คุณณัฐนลิน น้อยไม้ ตอบเรื่องนี้ไว้ดีมาก “สวยถูกใจคุณหรือสวยถูกใจคนอื่นล่ะ? ถ้าสวยถูกใจคนอื่น คุณก็ต้องพยายามถ่ายทั้งชีวิต” อันนี้ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ…