เรื่อง+ภาพ : poch
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 248/2018 May
ถ้าหากว่าเราเดินถ่ายรูปอยู่ริมถนน เด็กกำลังเลียไอติม จังหวะนั้นเรายกกล้องกดชัตเตอร์ถ่ายภาพไว้ หรืออะไรก็ได้ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเราแบบกะทันหัน เด็กกำลังวิ่งเล่น นกกำลังบินมาเกาะสายไฟ ภาพแบบนี้เราเรียกกันว่าภาพ “Snapshot”
และในหลายครั้งหลายหน ที่เราเดินถ่ายรูป แล้วมองเห็นเครื่องปั้นดินเผาน่าสนใจใบหนึ่ง เรายกกล้องขึ้นถ่ายภาพเอาไว้ หรือว่ามีกระถางดอกไม้อยู่ริมรั้วที่เราบังเอิญเดินไปเจอแล้วถ่ายภาพเก็บไว้ ภาพแบบนั้นแหล่ะครับ ที่เราเรียกว่า “Found objects”
มีภาพถ่ายอีกลักษณะหนึ่งที่มีการจัดฉาก จัดวางวัตถุ สิ่งของ ต่างๆ รวมทั้งการจัดแสง โดยจะมีแนวคิดในการถ่ายเป็นตัวกำหนด รูปร่าง รูปทรง สีสัน ทิศทางแสง รวมทั้งวัตถุที่นำมาจัดถ่ายด้วยภาพแบบนั้นเรียกว่าภาพ “Still-life” หรือ “หุ่นนิ่ง”
ภาพทั้งสามประเภทมักจะทำให้หลายคนสับสน โดยเฉพาะภาพ Found objects กับ Still life มองแล้วเป็นภาพวัตถุสิ่งของเหมือนกัน และภาพ Found objects กับภาพ Snapshot ที่อาศัยความรวดเร็ว และการพบเจอเหมือนกัน ในวันนี้เรามาคุยกันในภาพสามประเภทนี้ถึงความเหมือนและความแตกต่างของภาพแต่ล่ะแบบกันครับ
ภาพ Snapshot เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แล้ว เดิมทีกระบวนการผลิตภาพถ่ายในสมัยก่อนนั้นผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบ wet platre (ระบบผลิตภาพถ่าย แผ่นพิมพ์เปียก wet platre ใช้สารละลายในอีเธอร์และแอลกอฮอล์ กับแผ่นกระจก) แต่แล้วในปี 1880 ก็มีระบบผลิตภาพถ่ายแบบ dry plate (ระบบพิมพ์ภาพถ่ายด้วยสารเจลาติน (Gelatin) ฉาบบนแผ่นกระจกตอนหลังมีการพัฒนาเป็นกระดาษม้วน) การเกิดขึ้นของระบบ Dry plate นี่เองที่ทำให้การถ่ายภาพง่ายขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดการถ่ายภาพในรูปแบบใหม่ ซึ่งกลุ่มผู้ถ่ายภาพประเภท Snapshot จึงเกิดขึ้นมาด้วย
ภาพถ่ายที่เกิดขึ้นใหม่นี้มีความหลากหลายมากขึ้น มีภาพถ่ายจำนวนมากที่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในย่านร้านค้า สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ภาพแบบ Snapshot นั้นหลายคนอาจจะคิดว่าเหมือนกับภาพ Candid แต่อันที่จริงแล้วมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยที่วิธีการ ภาพแคนดิตจะมาจากการที่เราเฝ้ารอ หรือคอยจังหวะที่จะกดชัตเตอร์ จากบุคคลที่เราต้องการจะแอบถ่าย แต่ภาพ Snapshot นั้นเกิดขึ้นก่อนที่เราหรือขณะที่เราคิดจะถ่าย โดยที่เราอาจจะไม่จำเป็นต้องทำการแอบถ่าย ไม่ต้องวางแผน หรือรอคอยใดๆ เรียกว่าพบเจอแบบปัจจุบันทันด่วนก็กดชัตเตอร์ถ่ายภาพทันทีเลย
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_01.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_02.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_03.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_04.jpg)
ตรงนี้แหละที่เป็นลักษณะแบบเดียวกันกับภาพ Found objects ความแตกต่างก็อยู่ตรงที่ ภาพแบบ Found objects ตีกรอบไปที่วัตถุ สิ่งของ ในขณะที่ภาพแบบ Snapshot จะเปิดกว้างกว่า คือเป็นได้ทั้งสิ่งของ หรือผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภาพถ่ายแบบ Found objects หรือว่าแบบ Snapshot นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นภาพที่เกิดจากความบังเอิญเป็นส่วนใหญ่ บางภาพดูน่าสนใจ บางภาพก็อาจจะชวนให้ปล่อยผ่านเลยไป บางภาพอาจจะดูเฉยๆ บางภาพอาจจะดูเหมือนง่ายๆ ซึ่งทั้งหมดคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นภาพถ่ายที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ ชีวิต คน สัตว์ หรือแม้แต่สิ่งของ ที่ช่างภาพให้ความสนใจ และบันทึกไว้
เมื่อภาพแบบ Found objects เป็นภาพของวัตถุสิ่งของต่างๆ จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับภาพแบบ Still-life ที่เป็นภาพวัตถุ สิ่งของเช่นกัน แต่มีที่มาของภาพที่ต่างกัน
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_05.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_07.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_09.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_06.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_08.jpg)
ภาพ Still life มีมาตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 15-18 นับเป็นช่วงที่งาน Still life เป็นที่นิยมกันมาก ลักษณะจะเป็นภาพสิ่งของ หรือวัตถุต่างๆ ที่ศิลปินจัดวางวัตถุสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ ในมุมที่ได้น้ำหนัก แสง-เงา ที่สวยงาม อาจวางให้มีความ สูง-ต่ำ ลดหลั่นกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรู้ในเรื่องการจัดองค์ประกอบ โดยจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างรูปทรง และสีเป็นหลัก
Still life photography จึงเป็นภาพถ่ายลักษณะหนึ่งที่มีการจัดฉาก จัดวางวัตถุสิ่งของ ต่างๆ รวมทั้งการจัดแสง โดยจะมีแนวคิดในการถ่ายเป็นตัวกำหนด รูปร่าง รูปทรง สีสัน ทิศทางแสงรวมทั้งวัตถุที่นำมาจัดถ่ายด้วย ซึ่งวัตถุที่นำมาจัดเซทนั้น ก็จะเป็นวัตถุ (Subject) ที่มีความหลากหลายสารพัด ตามแนวคิด (Concept) ที่คิดไว้ ซึ่งจะเป็นวัตถุที่ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้ จึงทำให้มีการเรียก “Still life”
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_10.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_11.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_12.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_13.jpg)
![](https://www.camerartmagazine.com/wp-content/uploads/2018/06/Snapshot-Found-Still_14.jpg)
เราจะเห็นว่าภาพเหล่านี้มีลักษณะภาพที่ใกล้เคียงกัน แต่ล้วนต่างกันอย่างสิ้นเชิง ภาพแบบ Snapshot จะเปิดกว้างกว่าคือเป็นได้ทั้งสิ่งของ หรือผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภาพแบบ Found subjects เป็นภาพในลักษณะของ วัตถุสิ่งของ ที่เราได้พบเจอระหว่างทาง แต่ก็เป็นในเชิงของภาพ Snapshot ไม่ใช่ภาพแนวคิด (Concept) เช่น รูปปั้นตามสถานที่ต่างๆ ฯลฯ ส่วนภาพ Still-life จะมองในเชิงของ รูปร่าง รูปทรงของวัตถุ แสง-เงาและพื้นผิว หรือการจัดกลุ่มของสีสันต่างๆ ทั้งหมดนี้ก็คือความ ‘เหมือน’ และ ‘ต่าง’ ของภาพทั้งสามประเภทครับ…