เรื่อง : eyejung, ภาพ : ทีม CAMERART

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 255/2018 December

ทริปถ่ายภาพของเรากับจังหวัดราชบุรี….เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราออกเดินทางกันเลยกับโปรแกรมแรก ที่ไม่ได้ไปกันมานาน คือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งต้องบอกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวกเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลก ด้วยความมีเสน่ห์ทางสายน้ำ เหมือนวิถีชีวิตดังเดิมในสมัยอดีต ที่หลายคนอยากมาสัมผัส แต่ช่วงหลังทริป CAMERART ของเราไม่ได้ไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาหลายปีมาก…ด้วยอยากให้สมาชิกได้ไปเที่ยวในสถานที่อื่นๆ ของจังหวัดราชบุรี ที่ยังมีอีกหลายแห่ง….

รอบนี้คิดถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวก ด้วยความเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 80 กิโลเมตร รัชการที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองดำเนินสะดวกระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร เชื่อมแม่น้ำแม่กลอง…ที่บางนกแขวกกับแม่น้ำท่าจีน…ที่ประตูน้ำบางยาง และมีคลองซอยเล็กๆ มากมาย ทำให้ชาวบ้านในราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร สามารถติดต่อกันทางน้ำได้สะดวก และกลายเป็นแหล่งค้าขายทางน้ำที่สำคัญในสมัยนั้น จนวิถีชีวิตผู้คนปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถนนหนทางเข้ามามีบทบาทการสัญจรทางน้ำก็ปรับเปลี่ยนไป การค้าขายในคลองดำเนินสะดวกก็ปรับเปลี่ยนมาค้าขายทางถนนแทน

ภาพที่ได้รับรางวัลชมเชย โดย : คุณธงชาติ สมบัติกำไร

จนมีการชุบชีวิต ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ด้วยภาพถ่าย ภาพถ่ายในสายตาชาวโลก…เป็นภาพตลาดลอยน้ำที่คลาคล่ำไปด้วยเรือพายลำย่อมๆ บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้าในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวกเปลี่ยนไปมากมาย เดี๋ยวจะมาเล่าให้ได้อ่านกัน แต่ตอนนี้เราเดินทางมาถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า ลานจอดกว้างขวาง ลงรถปุ๊บมีเจ้าหน้าที่มาถ่ายภาพพวกเราเหมือนกับกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติ แต่สมาชิกเราสะพายกล้องลงกันมาทุกคน คิดในใจถ่ายผิดกลุ่มแล้ว… เพราะคงไม่มีใครซื้อแน่ๆ 555….

ภาพที่ได้รับรางวัลที่ 1 โดย : คุณนิพนธ์ เกตุจรัส

ภาพที่ได้รับรางวัลชมเชย โดย : คุณมังกร แเดงกูร

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก แบ่งเป็นสองฟาก ซึ่งต้องข้ามถนนใหญ่ไป จริงๆ เหมือนจะมีการสร้างสะพานไม้เพื่อจะเชื่อมสองตลาด แต่ด้วยความที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ความสามัคคีไม่เกิด เลยไม่สามารถสร้างสะพานให้เชื่อมต่อกันได้ เลยเป็นแค่สะพานครึ่งเดียวอยู่มานานหลายสิบปีก็ยังเป็นแบบทุกวันนี้ ปกติมาตลาดน้ำเราจะเลือกทาน ก๊วยเตี๋ยวหมู ที่ขายอยู่บนเรือที่จอดขายอยู่ริมตลิ่ง เลือกตามใจว่าอยากทานอาหารอะไรของเรือลำไหน แต่มารอบนี้เราไม่รู้จะเลือกลำไหนดี เจอราคาเข้าไปแทบหงายหลัง ก๋วยเตี๋ยวชามละ 100-150 บาท อาหารตามสั่ง เริ่มที่ราคา 150-250 บาท ช็อคๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ… จนต้องถามว่าทำไมราคามันแพงขนาดนี้ ได้คำตอบว่าเป็นราคาชาวต่างชาติ แต่ราคาชาวต่างชาติก็ไม่น่าจะแพงขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เราเจอในวันนี้ พอรู้ว่าราคาคนไทย 40 บาท เราก็สุ่มเลือกเอาว่าจะนั่งร้านไหนดี eyejung เลือกทานก๋วยเตี๋ยว คิดว่าน่าจะปลอดภัยสุด….ก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟ….ปรุงรสจนไม่รู้ว่าจะปรุงยังไงให้อร่อย เหมือนต้มน้ำแล้วเอาเส้นใส่และใส่หมูแค่นั้น เรียกว่าทำอาหารไม่เป็น แต่อยากขายอาหาร คือ หาความอร่อยไม่ได้เลยสักร้าน แนะนำว่าถ้าใครอยากมาทานอาหารที่ตลาดน้ำดำเนิน ให้ข้ามไปอีกฟากหนึ่งของตลาด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตลาดฝั่งที่จอดรถถึงซบเซาได้ขนาดนี้  

ผิดหวังกับอาหาร ออกเดินถ่ายภาพกันต่อสุดทาง เราได้เห็นว่าตลาดมันดูโทรมมาก แม่ค้าพ่อค้าเองก็ไม่ช่วยรักษาให้ตลาดสวยงาม กวาดขยะลงคลอง ขยะที่กองเกลื่อนกลาดตรงสะพานที่สร้างไม่เสร็จ เพราะไม่มีใครดูแล ในคลองที่ความเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ใช้เรือพาย ค่อยๆ หายไป เรือติดเครื่องยนต์วิ่งแข่งกันเพื่อจะมาแย่งลูกค้านำนักท่องเที่ยว… เรือพาย ราคาอยู่ที่ 400 บาท…เรือหางยาว ราคา 800 บาท…นั่งได้ประมาณ 6-8 คน พาไปดูสวน และการทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ซึ่ง eyejung เคยนั่งแล้ว และไม่อยากนั่งอีกเลย มันไม่ได้ดูชิลเหมือนที่ต้องการ แต่มันเหมือนเราอยู่บนท้องถนนที่การจราจรติดขัด แล้วคนขับโมโหโวยวายใส่กัน เมื่อไม่คิดนั่งเรื่อเราเลยตัดสินใจข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งของตลาด ต้องบอกว่า ตลาดน้ำฝั่งนี้ ยังคงให้เห็นว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนยังมีพายเรือขายของ อาหารดูน่าตาน่าทานกว่าอีกฝั่ง ดูคึกคักกว่า ราคาน่าจับต้องได้มากกว่า สรุปคือมันไม่ได้แพงไปทุกอย่างและทุกที่ จากตลาดน้ำที่เคยมีเสน่ห์เต็มไปด้วยเรือพาย แต่ตอนนี้ตลาดน้ำดำเนินสะดวกมันดูเป็นธุรกิจเพื่อการท่องเที่ยวเกินไป ความเป็นตลาดน้ำธรรมชาติเหลือน้อยลงไปทุกที่ และมันก็กลายเป็นสิ่งที่ทำลายเสน่ห์ที่เคยมี จึงไม่แปลกที่ตลาดอีกฝั่งก็ค่อยๆ ซบเซาอย่างทุกวันนี้ หลายร้านค้าปิดตัวลง เพราะว่านักท่องเที่ยวไม่ซื้อ เราก็ได้แต่หวังว่า…ชาวตลาดน้ำดำเนินสะดวกจะคิดได้ และหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะเรายังอยากให้ตลาดน้ำดำเนินสะดวก…เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก…ในความมีเสน่ห์แบบวิถีชีวิตไทย ไม่อยากให้รู้สึกเหมือนมาเที่ยวแล้วโดนคนไทยหลอก

จากตลาดน้ำดำเนินสะดวกเราเดินทางมาสู่อำเภอโพธาราม เราจะไปเที่ยวถ่ายภาพกันต่อที่วัดขนอน กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พาไปดูศิลปะที่เตรียมขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของหนังใหญ่ เราเดินทางมายัง วัดขนอน วัดที่รวบรวมหนังใหญ่ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันทางวัดได้จัดพิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ เปิดให้ประชาชนและผู้สนใจ เข้าร่วมชมศึกษา พร้อมทั้งการสาธิตการแสดงหนังใหญ่ที่จะจัดแสดงทุกวันเสาร์ในรอบ 10 โมงเช้า และในวันอาทิตย์ในรอบ 11 โมง ตลอดจนการมีฝึกเยาวชนให้เรียนรู้และสืบทอด ศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้ครบทุกกระบวนการ เพื่อสนองโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีสืบต่อไป

ภาพที่ได้รับรางวัลชมเชย โดย : คุณชาคริต ปิ่นสวัสดิ์

เราเดินทางมาถึงวัดขนอน 10 โมงกว่าใกล้ 11 โมง ซึ่งเป็นเวลาใกล้การแสดงของหนังใหญ่ในรอบวันอาทิตย์ ที่ทำการเปลี่ยนที่แสดงไปอยู่ ตลาดด่านขนอน ตั้งอยู่ภายในวัดขนอน ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย โดยเปิดเป็นตลาดย้อนยุค นำอดีตของวัดขนอน ที่บริเวณริมน้ำแม่กลอง หน้าวัดในอดีตเคยเป็นที่ตั้งด่านเก็บภาษีอากร เป็นพื้นที่ค้าขาย และตลาดสินค้า นำจุดนี้มาประยุกต์ใช้ เพิ่มความพิเศษได้นำมหรสพการแสดงหนังใหญ่บนเวทีลานการแสดงกลางตลาดด่านขนอน เป็นส่วนสำคัญทำให้บรรยากาศตลาดแห่งนี้ครึกครื้นอบอวลด้วยบรรยากาศในอดีตโบราณ ของที่นำมาขายก็มีทั้งอาหาร แบบกินอิ่ม กินเล่น ผลผลิตทางเกษตร สดใหม่จากชาวบ้านในพื้นที่ ของที่ระลึกที่เป็นงานฝีมือของคนในชุมชน ซึ่งพระครูพิทักษ์ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดขนอน อยากให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม และยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

ภาพที่ได้รับรางวัลชมเชย โดย : คุณวิชญลัญฉน์ อยู่เรือนงาม

เดินทางมาถึงวัดจับจองพื้นที่นั่ง ซึ่งก็อารมณ์เหมือนมานั่งรอดูหนังกลางแปลง รายล้อมด้วยตลาด ซึ่งถ้าใครเคยถ่ายในโรงละคร ก็จะอีกอารมณ์หนึ่ง เพราะสามารถควบคุมแสงได้ เนื่องจากหนังใหญ่เป็นการแสดงที่เล่นกับเงา แต่ออกมาแสดงกลางแจ้ง อาจจะควบคุมเรื่องระบบแสงเหมือนกับในโรงละครไม่ได้ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปอาจจะแค่ต้องการมาดูการแสดง แต่สำหรับนักถ่ายภาพ ต้องการความสวยงามของแสงเงา งานนี้เลยเหมือนเป็นการวัดฝีมือในการสสร้างสรรค์ผลงานกันไป  ส่วนใครไม่อยากถ่ายการแสดง สามารถไปถ่ายภาพที่พิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ หรือ จะเลือกเดินช็อปชิลๆ แบบ พี่ธงชาติ ก็ได้ หันไปเห็นอีกที่เดินจิ้มของกินเพลินเลย พร้อมลูกสมุน ห้อมรอบดูเป็นผู้บารมีเลยทีเดียว เสียงดนตรีโหมโรงเริ่มต้นขึ้น เป็นการบ่งบอกว่าใกล้เริ่มการแสดงแล้ว ก่อนทำการแสดง ผู้พากย์จะมาอธิบายเรื่องราวความเป็นมาของหนังใหญ่วัดขนอน  อีกหนึ่งมรดกไทยที่ทรงคุณค่า การแสดงดำเนินไปกว่า 30 นาที การกดชัตเตอร์รัวกันไม่หยุด จบการแสดงมีการขอให้มาช่วยโพสท่าเป็นซีนๆ ก่อนจะรีบกลับไปตลาดด่านขนอนกันอีกครั้ง เพื่อหาอาหารเที่ยงทาน ซึ่งเมื่อครั้งที่ eyejung มากับครอบครัวจำได้ว่ามีร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ที่อร่อยอยู่ร้านหนึ่ง ครั้งนี้เลยชวนพี่ป้อน พี่แพท พี่สมชาย อ.นพ ไปนั่งกินกัน ก๋วยเตี๋ยวหมูชามเล็กแต่เครื่องแน่น กว่าเมื่อเช้ามากมายในราคา 20 บาท พี่ป้อนบอกของสั่ง 2 ชามเลย  eyejung  เลยขอสั่งตาม พร้อมทั้งไปทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็น เนื่องจากทางร้านขายดีจัดทำไม่ทัน ทุกคนพอกินแล้ว ลงความเห็นกันว่าอร่อยในราคาประหยัดของจริงยังหาได้ที่วัดขนอน แถมของที่มาขายในตลาดก็ราคาย่อมเยา ใช้วัสดุธรรมชาติในการห่อพืชพักผลไม่ เป็นอีกตลาดที่รักษาสิ่งแวดล้อม พยามลดการใช้ถุงพลาสติก อิ่มอร่อยกันเรียบร้อยได้เวลาเดินทางต่อกันที่ เถ้าฮงไถ่

ภาพที่ได้รับรางวัลที่ 2 โดย : คุณแสงชัย เตชะสถาพร

เถ้าฮงไถ่ โรงงานเซรามิคแนวอาร์ต ชื่อติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว เป็นอีกจุดที่หลายคนชอบแวะมาเช็คอินถ่ายภาพงานเซรามิคหลากสีและโอ่งราชบุรีใบใหญ่ ด้วยศิลปะที่สร้างสรรค์ผลงานที่มีกลิ่นไอของความเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของชาวราชบุรีที่ เถ้าฮงไถ่ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสและเรียนรู้แบบใกล้ชิดกับงานปั้น และการวาดลวดลาย แต่มีข้อแม้ห้ามรบกวนการทำงานของช่าง ก่อนเดินทางมาถึงเราได้ทำการชี้แจงกับสมาชิกทุกท่านย้ำว่าห้ามรบกวนการทำงานของช่างเด็ดขาด ห้ามจับผลงาน ไม่ต้องอยากรู้ไปสะทุกเรื่อง จนเผลอจับงานปั้นของเขา เนื่องจากอุณหภูมิในมือเรามีผลต่องานเขา เมื่อนำเข้าเตาเผาแล้วจะมีผลตรงที่ไปจับหรือลูบคำผลงานเขา แล้วมันทำผลงานเขาเสียหาย ส่วนช่างภาพที่สะพายกระเป๋าเป้ต้องระวังเป็นพิเศษ เป้อาจจะไปโดนแล้วทำงานปั้นเขาหล่นเสียหายขึ้นมา งานนี้ตัวใครตัวมันเลยนะจะบอกให้ เมื่อทุกคนเข้าใจตรงกันก็ลงไปขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ เพื่อเก็บภาพการทำงาน ซึ่งบอกเลยว่าช่างปั้น ช่างวาดทุกคนที่นี้นอกจากมีฝีมือแล้วยังมีความอดทนสูงมาก เข้าไปแป๊บเดียวอย่างกะเข้าไปอบซาวด์น่า ไม่แปลกใจเลยว่าน่าโรงงานมีขายไอติม 555…ออกมาก็จัดไปคนละ 1 แท่งแก้ร้อน กินไอติมอยู่ พี่น้อง เรียก eyejung มาเป็นแบบ กลัวไม่ได้มาถ่ายภาพ เลยมาทั้งแท่งไอติมที่กินอยู่เต็มปาก พอพี่น้องเรียก คนอื่นๆ เลยเรียกให้เป็นนางแบบไปด้วย โดยเฉพาะพี่เก่งที่จัดให้ eyejung ชุดใหญ่ กลายเป็นนางแบบจำเป็นทริปนี้ไปเลย ส่วนนางแบบประจำทริป พี่ต๋องรอบนี้จัดเต็มกับชุดกระโปรงสีสดใส กับรอยยิ้มหวานๆ น่ารักไปอีก เหนื่อยจากการเป็นนางแบบด้านหน้าก็มีร้านกาแฟที่ปรับปรุงใหม่ ให้ได้มานั่งตากแอร์กินน้ำเย็นๆ กันก่อนจะเดินทางไปจุดสุดท้ายทริปนี้ที่ อุทยานหินเขางู

ภาพที่ได้รับรางวัลชมเชย โดย : คุณประพันธ์ อัศวแก้วฟ้า

จุดสุดท้ายของทริปนี้กันแล้ว กับ อุทยานหินเขางู  ออกจากเถ้าฮงไถ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึง อุทยานหินเขางู ที่หางจากตัวจังหวัดราชบุรีเพียง 8 กิโลเมตร แต่เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นปูนที่มีคุณภาพดี หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพทรุดโทรม ทางจังหวัดราชบุรีจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี และได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่หน้าผา สร้างจากการยิงแสงเลเซอร์ลงหน้าผาหิน จนปัจจุบันอุทยานหินเขางู เป็นอีกหนึ่งท่องเที่ยวที่ให้คนมาแวะเช็คอิน เดินถ่ายภาพ ออกกำลังกาย กับสะพานที่ทอดยาวเกือบ 2 กิโลเมตร ซึ่งครั้งนี้เราจะมาเก็บแสงเย็นกัน หลังจากปีที่แล้ววิ่งหลบหนีฝนกันหน้าตั้ง ไม่ได้แสงเย็น และยังเดินไปไม่ถึงจุดชมวิว อีกฝากฝั่งเขา รอบนี้เลยชวน พี่ป้อนว่า เรามาอุทยานหินเขางู ก็หลายรอบแล้ว แต่ยังเดินไปไม่ถึงจุดชมวิว รอบนี้ eyejung มีความมุ่งมั่นมาก แต่ต้องหาผู้ร่วมขบวนการพี่ป้อนไง จะใครละ ซึ่งต้องบอกว่าจะขึ้นไปถึง ต้องชนะใจตัวเอง ที่ขี้เกียจเดินตลอด เดินจนจะสุดทางเห็นจุดชมวิวบนยอดเขาไกลๆ แต่หลายคนเดินลงมา จน eyejung กะพี่ป้อนเริ่มไม่แน่ใจว่ามันไม่สวยเหรอ ใจคิดจะเดินกลับแล้ว พอพี่แพท เดินผ่านมา ก็ถาม พี่แพท …ว่าสวยไหม พี่แพท …บอกสวย แล้วอมยิ้ม มันหมายความว่าไง?….ถามใครก็มีแต่บอกว่าขึ้นไปเถอะ 555… เหมือนแบบว่า พลาดแล้วก็อยากหาเพื่อนพลาดด้วย เลยหันมาถาม พี่ป้อนเอาไงดี พี่ป้อนบอกมาถึงนี้แล้วขึ้นไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า ขึ้นไปถึงมันก็สวยอยู่นะ หอบแป๊บบ… ช่วงห้ามคุยกัน หลังจากถ่ายภาพกันอยู่ เราก็เริ่มมองหาเหยื่อ 555.. เห็น พี่สาระดี …เดินผ่านมา แล้วแกก็เดินกลับไปสะดื้อๆ จน หมอเปิ้ล บอกว่า อ้าว! ทำไม พี่สาระดี หักหลังพวกเรา นั่นสิ!…. แต่ พี่สาระดี ตกลงกะพวกเราตอนไหนหว่า…ว่าแล้วก็กลัว พี่สาระดี ไม่ขึ้นมา ช่วยกันตะโกนบอกให้ขึ้นมารับพวกเรา พวกเราจะได้ลง อิอิ… พอลงมาเดินผ่านใครก็บอกอย่าลืมขึ้นไปจุดชมวิวนะ มันสวยมาก จุดชมวิว อุทยานเขางู เป็นการปิดทริปที่สนุกที่สุดอีกทริปหนึ่ง ***ความสุขของการเดินทางมันไม่ได้อยู่ที่ปลายทางของสถานที่ แต่มันคือความสุขที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง  Bye…eyejung

ภาพที่ได้รับรางวัลรที่ 3 โดย : คุณโกวิทย์ มะณีเนตร