เรื่อง+ภาพ : eyejung

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 263/2019 August

ด้วยช่วงจังหวะชีวิตที่มันทำให้ได้เดินทาง วนเวียนอยู่ทางเชียงใหม่ เราจึงพยายามหาที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ รอบนี้เราจึงพ่วงจังหวัดเชียงรายไปด้วย การเดินทางเน้นประหยัดให้เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วยสายการบิน Low cost ของ Nok Air จนอยากไปขอสปอนเซอร์เลย ใช้บ่อยเหลือเกิน ราคาไป-กลับอยู่ที่ 1,500 บาท เรียกว่าถูกกว่านั่งรถทัวร์ การเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ใช้การเช่ารถขับราคาค่าเช่ารถไม่เกินวันละ 1,000 บาท ไปกัน 3-4 คน แบบสบายสไตล์ Slow Life 

ออกเดินทางในรอบไฟลท์เช้าสุด เพื่อมีเวลาเที่ยวเยอะสุด เราเดินทางมาถึงเชียงใหม่ ติดต่อ บ.รถเช่า รับรถเรียบร้อย เราก็พร้อมออกเดินทางกับภารกิจแรกคือหาของพื้นเมืองทาน หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อคือข้าวซอย ซึ่งมีมากมายหลากหลายเจ้าดังๆ แต่วันนี้เราเลือกข้าวซอย ลำดวนฟ้าฮ่าม เขาว่ากันว่าเป็นร้านดังประจำเมืองเชียงใหม่ แต่ผู้เขียนเองก็ไม่เคยมาทานเลยจริงๆ ขอสารภาพเลยว่าตั้งใจไปกินข้าวซอยเสมอใจ แต่จอดรถผิดที่ เลยเดินเข้ามาร้านนี้ และมาหาข้อมูลถึงได้รู้ว่าเป็นอีกเจ้าดังของเมืองเชียงใหม่ที่เปิดขายมากว่า 70 ปี แล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ คิดแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าเรามาเชียงใหม่หลายสิบรอบ แล้วเราพลาดได้ไงเนี่ย

เติมพลังกันไปแล้วก็เริ่มออกเดินทาง ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้วางโปรแกรมไว้คร่าวๆ เพื่อให้มีรูทเส้นทาง แต่จริงๆ รูทที่วางไว้ก็พร้อมเปลี่ยนได้เสมอ มันเป็นความยืดหยุ่นที่เราเดินทางเอง ด้วยความที่เรามาเชียงใหม่บ่อยเกิน จนหลายคนแอบเขาใจผิด จะคิดว่า eyejung มีบ้านที่เชียงใหม่ 555…. ครั้งนี่เราเลยเปลี่ยนเส้นทางไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายบ้าง จุดแรกที่แวะ คือ เราจะเข้าห้องน้ำ เลยมีโอกาสได้แวะแช่เท้าที่ น้ำพุร้อนธรรมชาติทวีสิน เป็นน้ำพุร้อนที่อยู่ติดถนนในเส้นทางระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย เหมาะที่จะแวะพักรถ  

ที่มาของชื่อน้ำพุร้อนธรรมชาติทวีสิน ตั้งชื่อตามชื่อเจ้าของสถานที่คือ คุณทวีสิน ฉัตรมณีรัตน์ ซึ่งเป็นนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สูงมาก มีบริการน้ำแร่แช่ตัว แช่เท้า และ ต้มไข่ เลยถือโอกาสนี้แวะแช่เท้า ซื้อไข่ต้มน้ำพุร้อนกันสักหน่อย ก่อนออกเดินทางต่อ ก็แวะไหว้พระ แวะกินกันอีก 555… เรียกว่าทริปแวะไปเรื่อย ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่เราวางไว้เลย ได้เวลาเดินทางกันต่อกับจุดแรก วัดร่องขุ่น ที่วันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนก็ยังคงเยอะเช่นเดิม แม้จะมาหลายรอบแล้ว เราก็ยังอดถ่ายภาพเก็บไว้ไม่ได้ แม้ฟ้าวันนี้จะไม่เป็นใจ ทริปนี้เรามาทางภาคเหนือ เราก็อยากได้กลิ่นไอที่พักออกแนวล้านนาหน่อย ครั้งนี้ได้ที่พัก เฮือนจันทร์ดี บรรยากาศแบบล้านนาในราคาเพียง 550 บาท รวมอาหารเช้า เรียกว่าเที่ยวฤดู low season แบบนี้อะไรๆ ก็ดีไปหมด 

ได้ที่พักแล้วออกไปเที่ยวกันต่อ กับวัดดังของจังหวัดเชียงรายที่ต้องไปเช็คอิน วัดห้วยปลากั้ง ที่ตอนนี้ทำเสร็จหมดเกือบสมบูรณ์แล้ว วันนี้เรามาค่อนข้างเย็นนักท่องเที่ยวจึงไม่เยอะมากอีกวัดที่ห้ามพลาดคือ วัดร่องเสือเต้น วัดคู่ขวัญวัดร่องขุ่นเลยต่างก็ตรงสีน้ำเงินที่ต่างจากวัดทั่วๆ ไปด้วย และสิ่งที่ห้ามพลาดอีกเรื่อง คือไปชม หอนาฬิกาอาจารย์เฉลิมชัย หรือชื่อที่เป็นทางการว่า หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นผู้ออกแบบ เป็นหอนาฬิกาสีทองที่มีความสวยงาม มีลวดลายแบบไทย เป็นงานศิลปะเชิงพระพุทธศาสนา และสามารถเปลี่ยนสีได้ในตอนกลางคืน ซึ่งช่างภาพและนักท่องเที่ยวสามารถไปชมได้ในตอนกลางคืน ในเวลา 19.00 น.,  20.00 น. และ 21.00 น. ของทุกวันไฟจะเปลี่ยนสีพร้อมกับมีเสียงเพลงเชียงรายรำลึก ที่ซึ้งตรึงใจในทุกค่ำคืน

มาเชียงรายไม่แวะไปไร่สิงห์ปาร์คก็เหมือนมาไม่ถึงเชียงรายเช้านี้เราเลยชวนกันไปขับรถเล่นในไร่สิงห์ปาร์ค ซึ่งเป็นวันธรรมดา เราเลยเหมือนเป็นเจ้าของไร่เลย ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยนอกจากพวกเรา เที่ยววันธรรมดามันก็ดีแบบนี้นี่เอง นอกจากไม่มีนักท่องเที่ยวแล้วร้านค้าก็ยังไม่เปิด อยากไปหาที่นั่งชิลๆ กันต่อ และเป็นที่กล่าวขานกันเป็นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวกับร้าน “ชีวิตธรรมดา” Chivit Thamma Da Coffee House ผู้เขียนเคยมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และยังติดใจในบรรยากาศร้าน และอีกอย่างชอบชื่อร้านเพราะมันเหมาะกับคนธรรมดาอย่างเรา แต่ความจริงแล้วไม่ธรรมดาเลย ร้านในบรรยากาศวินเทจที่ดูหรูหราตั้งอยู่ริมน้ำกก ร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ตกแต่งสไตล์ Secret Garden แบบสวนอังกฤษ พื้นที่กว้างขวาง ทั้งในส่วนของห้องแอร์และโอเพ่นแอร์ ทั้งอาหารมีให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารคาวอาหารหวานประเภทเบเกอรี่ และเครื่องดื่มหลากชนิด รสชาติดีอร่อยถูกปากเกือบทุกเมนู ในราคาที่ไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน 555…

นั่งผ่อนคลายกันอยู่นานถึงเวลาเราต้องเดินทางต่อ วันนี้  เราจะขับรถวนไปเที่ยวที่เชียงใหม่ต่อกันที่ อำเภอฝาง กันบ้าง  ถ้าใครคิดถึงฝางคงจะคิดถึงไร่ส้มสายน้ำผึ้งที่มีปลูกกันอยู่มากที่อำเภอฝาง แหล่งท่องเที่ยวอาจจะแทบนึกกันไม่ออกเราเองก็หนึ่งในนั้น มากันแบบไม่รู้อะไรเลย ขนาดที่พักก็ยังไม่จอง รู้อย่างเดียวว่า… คืนนี้มานอนที่ฝาง อำเภอฝางนอกจากไร่ส้มธนาธร อีกที่ที่เรารู้จักคือสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ด้วยความเป็นเมืองหลังเขาแต่ก็ซ่อนความงามของธรรมชาติ

วันนี้อันดับแรก เราต้องหาที่พักก่อน ด้วยความอยากเที่ยวชิลๆ กับธรรมชาติ ขับรถวนไปเรื่อยจนต้องลองค้นหาดูใน google และแล้วเราก็เจอที่คน Review ที่พักหลักร้อย บรรยากาศหลักล้าน “อุ่นไอม่าว” ที่ให้ได้ชิลกับธรรมชาติ นอนริมลำธาร ตอบโจทย์คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และอยากสัมผัสวิวธรรมชาติอย่างแท้จริง ลำน้ำมาวหรือแม่น้ำมาว ซึ่งเป็นลำคลองที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ ขุนมาว บ้านลาน ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า เป็นลำน้ำเดียวในพื้นที่ อำเภอฝาง, อำเภอไชยปราการ, อำเภอแม่อาย ที่ไม่แห้ง เพราะต้นทุนน้ำมาจากประเทศพม่า ที่ยังมีป่าไม้สิ่งแวดล้อมสมบูรณ์อยู่ ระยะทางจากเชียงใหม่ไป อ.ฝาง ประมาณ 115 กม. วันนี้เราเลยยกเลิกโปรแกรมอื่นๆ แล้วมานอนแช่น้ำสัมผัสความ slow life ตามที่ตั้งใจไว้

เช้าวันสุดท้ายโปรแกรมหลักวันนี้เราจะไปอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอไชยปราการ แต่ระหว่างทางเจอป้ายบอกทางอีก 10 กิโลเมตรไป บ่อน้ำพุร้อนฝาง เลยขอชะแว๊ปออกนอกเส้นทางไปเที่ยวซ่ะหน่อย บ่อน้ำพุร้อนฝาง ตั้งอยู่ภายใน อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติเกิดจากความร้อนใต้ดิน มีไอร้อนคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำประมาณ 40-88 องศาเซสเซียล มีจำนวนมากมายหลายบ่อในพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ (บ่อใหญ่มีไอน้ำร้อนพุ่งขึ้นสูงถึง 40-50 เมตร) อุทยานแห่งชาติได้จัดบริการห้องอาบน้ำแร่และอบไอน้ำ บ่อน้ำร้อนจะอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเล็กน้อย และทางอุทยานแห่งชาติได้จัดให้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นเขาผ่าป่าเบญจพรรณ ทริปนี้เราไม่ได้ทดลองแช่ออนเซนน้ำพุร้อนกัน เพราะเรามาเช้ามากเลยแค่เดินเล่น โอกาสหน้าไม่พลาดที่จะมาลองแช่น้ำพุร้อน

ออกเดินทางกันต่อไปที่ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่จุดหมายปลายทางที่ “ฮิโนกิแลนด์” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงใหม่ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 และโด่งดังอีกครั้งเมื่อ “ฮิโนกิแลนด์” ที่เพิ่งติด 1 ใน 10 แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไปของ “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม” กระทรวงวัฒนธรรม จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในกรณีดังกล่าวได้จำลองสถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมาไว้ที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งสถานที่ดังกล่าวดำเนินการโดยภาคเอกชน เหตุการณ์นี้ทำให้มีกระแสโซเชียล ออกมาคัดค้าน เห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะไม่ได้สะท้อนวัฒนธรรมหรือประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนั้น โดยเฉพาะคนเชียงใหม่ที่มองว่าสถานที่แห่งนี้ไม่สะท้อนถึงรากเหง้าแห่งวัฒนธรรมล้านนา จนกระทรวงวัฒนธรรมยอมถอย

“ฮิโนกิแลนด์” สร้างบนพื้นที่ 83 ไร่ ที่นี่ไม่ได้จำลองของจริง แต่เป็นการสร้างของจริงขึ้นมา โดยเลียนแบบปราสาทและหมู่บ้านโบราณแบบญี่ปุ่นทุกตารางนิ้ว โดยเฉพาะปราสาทฮิโนกิที่สร้างขึ้นด้วยทุน 96 ล้านบาท ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ใครที่เคยไปจะต้องไม่พลาด เก็บภาพสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของที่นี่ อย่าง “เสาโทริอิสีแดง” หรือซุ้มประตูแบบญี่ปุ่น 88 คู่ ตามความเชื่อที่ว่า อาณาเขตเบื้องหลังเสาโทริอิเป็นอาณาเขตของเทพเจ้า เสาโทริอินี้ สามารถพบได้ตามศาลเจ้าชินโตตลอดจนวัดพุทธบางแห่งในประเทศญี่ปุ่น

พอเราเดินเข้ามาบรรยากาศภายในเหมือนเมืองญี่ปุ่นสถานที่โอบล้อมด้วยขุนเขา อากาศเย็นสบาย ภายในมีร้านคาเฟ่ให้ได้นั่งชิล มีกิ๊บช็อปสิ้นค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อคงจะเป็นเหล้าบ๊วยที่ใครไปญี่ปุ่นได้ชิมแล้วจะติดใจ ที่นี่ก็มีขาย เราเลยไม่พลาดซื้อมาชิมกันสักหน่อย นั่งเพลินกันยาว บริเวณอาคารไม้หอมมีบ่อปลาคร๊าฟขนาดใหญ่ มีขายอาหารปลา งานนี้ปลาคร๊าฟดูดเงินในกระเป๋าพวกเราไปคนละหลายบาท เพราะมันให้ความสนุกและเพลิดเพลินจนลืมเวลา จนยกเลิกโปรแกรมอื่นๆ ไปเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ความรู้สึกสงบ เป็นอีกประสบการณ์ของการเดินทางที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าบางครั้งไม่ต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ มันทำให้เราเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทางมากมาย โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆ ให้มอง